Page 19 - คู่มือแนวทางการบริหารจัดการเขตเหมาะสมของที่ดินสำหรับพืชเศรษฐกิจ
P. 19
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
3-9
พื้นที่และทําคันดินกักเก็บนํ้าสําหรับปลูกข้าว ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตามศักยภาพเป็นพื้นที่เหมาะสมสําหรับ
ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่หรือพืชผัก เป็นต้น
(1) ปัญหาการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมตามศักยภาพของที่ดินในพื้นที่ลุ่ม
พื้นที่ลุ่มเป็นพื้นที่มีนํ้าขังหรือมีนํ้าใต้ดินตื้น การยกร่องปลูกพืชอย่างถาวร
สําหรับปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่และพืชผัก อาจเสี่ยงต่อการถูกนํ้าไหลบ่าทําความเสียหายให้กับพืช
ที่ปลูก หรือมีระดับนํ้าใต้ดินตื้น ทําให้พืชที่ปลูกประสบปัญหารากเน่า ทําความเสียหายกับพืชที่ปลูกได้
(2) ปัญหาการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมตามศักยภาพของที่ดินในพื้นที่ดอน
พื้นที่ดอนเหมาะสมสําหรับการปลูกพืชที่ไม่ชอบให้มีนํ้าขัง การดัดแปลงพื้นที่
อย่างถาวร โดยการทําคันนากักเก็บนํ้าสําหรับปลูกข้าวอาจประสบปัญหาขาดแคลนนํ้า
(3) ปัญหาการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมตามศักยภาพของที่ดินในพื้นที่ลาดชันสูง
การเกษตรกรรมในพื้นที่ลาดชันสูงยากต่อการจัดการดูแลรักษา ทําให้หน้าดิน
ง่ายต่อการถูกชะล้างพังทลายหรือเกิดดินถล่ม ทําความเสียหายให้กับพื้นที่เพาะปลูกและพืชที่ปลูก
ทําลายระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง
(4) ปัญหาการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมตามศักยภาพของที่ดินในกิจกรรมอื่นๆ
เช่น การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมในพื้นที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงและมี
โครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์ด้านการเกษตรกรรม การขุดทราย บ่อดินหรือบ่อลูกรังในพื้นที่เหมาะสมดี
สําหรับการเกษตรกรรม เป็นต้น
1.10) พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน (Slope Complex) หมายถึง พื้นที่ภูเขาหรือเทือกเขาที่มี
ความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ การทําการเกษตรในพื้นที่บริเวณนี้จะยากต่อการจัดการดินและ
การดูแลรักษา เนื่องจากหน้าดินเกิดการกร่อนอย่างรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาใน
พื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่ตอนล่าง สําหรับปัญหาพื้นที่ลาดชันเชิงซ้อน ได้แก่ สภาพพื้นที่มีความลาดชัน
สูง ทําให้เป็นอุปสรรคต่อการเกษตรกรรมยากต่อการจัดการดูแลรักษา เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลาย
สูญเสียหน้าดินอย่างรุนแรงและทําลายระบบนิเวศวิทยาของสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ ดังนั้น จึงควรมี
การศึกษาสภาพพื้นที่ และศักยภาพของดินก่อน และถ้าจําเป็นควรทําการเกษตรแบบวนเกษตร เพื่อรักษา
ระบบนิเวศของป่าไม้ไม่ให้เสื่อมโทรม