Page 23 - คู่มือแนวทางการบริหารจัดการเขตเหมาะสมของที่ดินสำหรับพืชเศรษฐกิจ
P. 23
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
บทที่ 4
การประเมินคุณภาพที่ดิน
4.1 การประเมินคุณภาพที่ดิน
การกําหนดเขตเหมาะสมของที่ดินสําหรับพืชเศรษฐกิจของกรมพัฒนาที่ดินนั้น ได้ประเมิน
คุณภาพที่ดินสอดคล้องกับวิธีการที่พัฒนาโดย FAO (1983) ซึ่งการประเมินคุณภาพที่ดินด้านกายภาพ
หรือด้านคุณภาพ (Qualitative land evaluation) เป็นการประเมินศักยภาพของที่ดินว่าที่ดินนั้นๆ
เหมาะสมมากหรือน้อยเพียงใดสําหรับการใช้ที่ดินประเภทต่างๆ หรือการปลูกพืชต่างๆ โดยพิจารณา
จากคุณลักษณะที่ดินที่ได้จําแนกไว้ในแต่ละหน่วยที่ดิน (Land unit, LU) สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการ
เจริญเติบโตของพืช และระดับการจัดการในการใช้ประโยชน์ที่ดินสําหรับแต่ละประเภทการใช้
ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Requirement, LUR) (บัณฑิต ตันศิริ และคํารณ ไทรฟัก, 2542)
ตามหลักการของ FAO ได้จําแนกอันดับความเหมาะสมของที่ดินสอดคล้องกับระดับความต้องการ
ปัจจัยคุณภาพที่ดินของแต่ละประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน และจัดอันดับความเหมาะสมของที่ดินเป็น 2
อันดับ (Order) คือ อันดับที่เหมาะสม (Suitability order, S) และอันดับที่ไม่เหมาะสม (Not suitable order, N)
เมื่อจําแนกอันดับความเหมาะสมแล้ว ยังสามารถแบ่งชั้นระดับความเหมาะสมในการปลูกพืชเศรษฐกิจได้
เป็น 3 ชั้น (Class) ได้แก่ ชั้นที่มีความเหมาะสมสูง (Highly suitable, S1) ชั้นที่มีความเหมาะสมปาน
กลาง (Moderately suitable, S2) และชั้นที่มีความเหมาะสมเล็กน้อย (Marginally suitable, S3) ซึ่งใน
แต่ละชั้นความเหมาะสมยังสามารถแบ่งออกเป็นชั้นย่อย (Subclass) โดยชั้นย่อยนี้สะท้อนข้อจํากัดสูงสุด
ของคุณภาพที่ดินที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของพืชอีกด้วย แสดงตัวอย่างอันดับชั้น
และชั้นย่อยความเหมาะสมของที่ดินโดยรวม
ขั้นตอนในการประเมินความเหมาะสมของที่ดินโดยสรุปมี 4 ขั้นตอน ดังนี้
1) กําหนดประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Type, LUT) ที่ต้องการวางแผน ซึ่งในที่นี้
คือ การเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สนใจ และจะได้เลือก ความต้องการด้านพืช (Crop requirement) ที่สอดคล้อง
กับความต้องการด้านพืชของพืชเศรษฐกิจที่ต้องการกําหนดเขตเหมาะสมในการปลูกและกําหนดพื้นที่
ที่ต้องการศึกษา
2) กําหนดหน่วยที่ดิน (Land Unit, LU) ครอบคลุมพื้นที่ศึกษาสําหรับการประเมินคุณภาพที่ดิน
จากนั้นพิจารณาเลือกคุณสมบัติดิน (Land characteristic) หรือคุณสมบัติที่ดิน (Land Quality, LQ)
ดังที่กล่าวไว้ แล้วนําไปวิเคราะห์ร่วมกับความต้องการในการเพาะปลูกพืช (Crop requirement) ซึ่งข้อมูลหน่วยที่ดิน
นั้นจะอยู่ในรูป Shapefile และ Excel