Page 95 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 95
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
84
65 – 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป ท่าให้แบคทีเรียที่ทนความร้อนส่วนใหญ่ชะงักการเจริญเติบโตเหลือเพียงมีกี่
ชนิดที่ทนทานอยู่ได้ ส่งผลให้การย่อยสลายวัสดุช้าลง เมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิของกองปุ๋ยหมักค่อยๆ ลดลง
แต่ก็มีแบคทีเรียและจุลินทรีย์ทนอุณหภูมิสูงกลุ่มอื่นๆ ยังมีบทบาทในการย่อยสลายวัสดุต่อไประยะหนึ่ง
จนกระทั่งอุณหภูมิลดลงต่่ากว่า 40 องศาเซลเซียส กิจกรรมของแบคทีเรียทนอุณหภูมิปานกลางจะมีปริมาณ
มากขึ้นและมีบทบาทมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ไปจนกระบวนการหมักสิ้นสุดลง
ในการศึกษาปริมาณประชากรจุลินทรีย์โดยทั่วไป พบว่า ในช่วงที่อุณหภูมิปานกลางจ่านวนของ
แบคทีเรียมีมากกว่าจ่านวนของเชื้อรา อาจพบได้มากเป็น 100 เท่าของเชื้อรา แบคทีเรียที่พบเสมอในช่วงนี้
ได้แก่ Bacillus sp., Pseudomonas sp., Arthrobacter sp. และ Alicaligenes sp. แม้จะพบแบคทีเรีย
ในจ่านวนที่มากกว่าเชื้อราหลายเท่า แต่ก็ไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าจุลินทรีย์กลุ่มใดมีบทบาทมากว่ากันในช่วง
นี้ เนื่องจากเชื้อรามีลักษณะเป็นเส้นใยและมีขนาดของเซลล์ที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้การเจริญเติบโตยัง
สามารถทอดเส้นใยข้ามช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนวัสดุได้ดีและรวดเร็วกว่าแบคทีเรียมาก ทั้งยังมีการปล่อย
เอนไซม์ออกนอกเซลล์มาย่อยสลายวัสดุอินทรีย์
ส่าหรับในช่วงที่อุณหภูมิสูงใกล้ถึง 60 องศาเซลเซียส เชื้อรายังคงมีบทบาทร่วมกับแบคทีเรีย แต่เมื่อ
อุณหภูมิสูงมากกว่านี้เชื้อราก็จะหยุดกิจกรรมลง โดยทั่วไปอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสเส้นใยและสปอร์ของ
เชื้อราจะถูกท่าลาย ดังนั้นกิจกรรมการย่อยสลายวัสดุอินทรีย์จึงเกิดจากแบคทีเรียและแอคทิโนไมซิสพวกที่
ทนความร้อน แบคทีเรียที่พบมาก ได้แก่ Streptococcus sp., Vibrio sp. และ Bacillus sp. รวมกัน
มากกว่า 2,000 สายเชื้อ บางครั้งความร้อนในกองปุ๋ยสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส พบว่า แอคทิโนไมซิสที่ทน
ความร้อนก็จะตายไปเหลือแต่แบคทีเรียบางชนิดที่ทนความร้อนจัดเท่านั้น ได้แก่ Bacillus sp และ
Thermusaquaticus โดยร้อยละ 87 เป็น Bacillus sp. ได้แก่ B. Subtilis, B. Stearothermophili และ
B. licheniformis พวก Bacillus sp. จัดเป็นพวกที่สามารถสร้างสปอร์ได้จากการตรวจสอบพบว่าสปอร์จะ
เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังพบว่ามีพวก Clostridium sp. ซึ่งสามารถสร้าง
สปอร์ได้เช่นกัน แต่เจริญในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน (ส่านักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน, 2551; ยงยุทธและคณะ,
2551)
2.แอคติโนไมซิสต์ (Actinomycetes) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ประเภทแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งเพราะมีผนัง
เซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ตลอดจนขนาดที่เหมือนกับแบคทีเรียทั่วไป แต่มีลักษณะรูปร่างการ
เจริญเติบโตในรูปแบบการแตกแขนงเป็นเส้นใยและสร้างสปอร์คล้ายเชื้อรา เพียงแต่เส้นใยมีขนาดเล็กและสั้น
กว่าเชื้อรามาก จึงมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อราหรือแบคทีเรีย การเพิ่มปริมาณ
ในกองปุ๋ยก็ช้ากว่าเชื้อราและแบคทีเรียด้วยในช่วงแรกของหมัก หลังจากกระบวนการหมักผ่านไป 5 – 7 วัน
จะพบแอคทิโนไมซีสต์มีปริมาณมากและเจริญได้ดี เพราะสารประกอบที่ย่อยสลายง่ายอื่นๆ ถูกจุลินทรีย์ชนิด
อื่นๆ ใช้ไปเกือบหมดแล้วเหลือแต่สารอินทรีย์ประเภทอินทรีย์ประเภทที่ย่อยสลายยากเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีแต่
กลุ่มจุลินทรีย์แอคติโนไมซิสต์ที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะกลุ่มจุลินทรีย์นี้ทนทานต่อสภาพที่ไม่
ค่อยเหมาะสม เช่น ความชื้นต่่า อุณหภูมิสูง แต่ต้องการการออกซิเจนและผลิตเอนไซม์เซลลูเลสออกมาย่อย
เซลลูโลสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่าให้สามารถใช้สารอินทรีย์ประเภทที่ย่อยสลายยากได้ดีและใช้ได้
หลากหลายชนิด จึงมีบทบาทส่าคัญในการย่อยสลายเซลลูโลส ลิกนิน และสารประกอบที่ย่อยสลายยากอื่นๆ

