Page 93 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 93
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
82
ระหว่าง 7.0 – 8.5 และงานวิจัยของวรรณลดาและคณะ (2534ข) พบว่า จากการย่อยสลายวัสดุเศษพืชที่มี
ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของใบยูคาลิปตัสก่อนการท่าปุ๋ยหมักมีค่าเท่ากับ 3.9 หลังจากหมักเป็นเวลา 10 วัน
ค่าความเป็นกรดเป็นด่างจะเพิ่มขึ้น 5.2 จนกระทั่งหลังจากสิ้นสุดการหมักวัสดุดังกล่าวเป็นเวลา 50 วัน ค่า
ความเป็นกรดเป็นด่างของกองปุ๋ยหมักจากใบยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้นเป็น 6.0
4. จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการย่อยสลายเศษวัสดุในการกองปุ๋ยหมัก
กระบวนการย่อยสลายเศษวัสดุในกองปุ๋ยหมักที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมของเชื้อจุลินทรีย์ ในการ
ย่อยสลายสารอินทรีย์ที่มีโมเลกุลใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง จนกระทั่งเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้่า ความร้อนและ
สารประกอบฮิวมัส เมื่อกระบวนการย่อยสลายเสร็จสมบูรณ์ จะได้สารประกอบที่มีความคงทนที่ เรียกว่า
“ปุ๋ยหมัก” กระบวนการย่อยสลายดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิดประกอบกัน
ซึ่งแต่ละชนิดของจุลินทรีย์จะมีบทบาทในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณ
สารอาหารที่มีอยู่ในกองวัสดุและสภาพแวดล้อมภายในกอง กลุ่มของจุลินทรีย์ที่มีบทบาทในแต่ละช่วงเวลา
ของกระบวนการหมัก มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ชอบอุณหภูมิปานกลาง และกลุ่มที่ชอบอุณหภูมิสูง ดังตารางที่5.6
ดังนั้นจึงแบ่งระยะเวลาการหมักเป็น 3 ระยะ ตามอุณหภูมิของกองปุ๋ยหมัก คือ
1) ระยะอุณหภูมิปานกลาง (mesophillic phase) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงแรกของการย่อยสลายประมาณ
1 – 2 วัน โดยอุณหภูมิจะอยู่ในช่วงประมาณ 30 – 45 องศาเซลเซียส โดยจุลินทรีย์ใช้น้่าตาลและ
สารอาหารที่ย่อยสลายง่ายอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้อุณหภูมิของกองปุ๋ยเพิ่มสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ใน
ระยะนี้แบคทีเรียที่ชอบอุณหภูมิปานกลางจะมีมากที่สุด แต่เมื่ออุณหภูมิของกองปุ๋ยสูงกว่า 45 องศา
เซลเซียส ก็จะพัฒนาเข้าสู่ระยะที่ 2
2) ระยะอุณหภูมิสูง (thermophilic phase) หลังจากหมักเศษวัสดุประมาณ 4 วัน อุณหภูมิในกอง
ปุ๋ยจะเพิ่มสูงขึ้นจนอยู่ระหว่าง 50 – 75 องศาเซลเซียส ในสภาพดังกล่าวมีผลท่าให้จุลินทรีย์ที่ชอบอุณหภูมิ
ปานกลางเริ่มมีปริมาณลดลง เนื่องจากไม่สามารถเจริญและด่ารงชีวิตอยู่ได้ในสภาพที่อุณหภูมิสูง ใน
ขณะเดียวกันจุลินทรีย์ที่ชอบอุณหภูมิสูงจะเริ่มเจริญและเพิ่มปริมาณมากขึ้น ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์พวกนี้ยังคง
ด่าเนินกิจกรรมการย่อยสลายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสารประกอบที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น ไซแลน
เซลลูโลส และลิกนิน เป็นต้น ช่วงนี้ตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายเซลลูโลสและ
ลิกนินได้ดี เมื่อความร้อนในกองปุ๋ยหมักมากเกินกว่า 75 องศาเซลเซียส จะมีผลท่าให้เชื้อจุลินทรีย์หลาย
ชนิดตายลงและมีผลท่าให้อัตราการย่อยสลายลดลง ส่งผลท่าให้อุณหภูมิในกองปุ๋ยหมักลดลง เมื่ออุณหภูมิ
ลดลงถึงระดับที่เชื้อจุลินทรีย์ที่ชอบอุณหภูมิสูงสามารถเจริญเติบโตและเพิ่มจ่านวนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็จะ
ด่าเนินกิจกรรมการย่อยสลายได้อีกก็จะท่าให้อุณหภูมิในกองปุ๋ยหมักเพิ่มขึ้นอีก ลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ท่าให้อุณหภูมิในกองปุ๋ยหมักช่วงนี้ประมาณ 45 – 65 องศาเซลเซียสและค่อนข้างคงที่ในช่วง
อุณหภูมิดังกล่าวนี้ จนกระทั่งสภาพแวดล้อมในกองปุ๋ยหมักไม่เหมาะสมหรือวัสดุในกองปุ๋ยหมักถูกย่อยสลาย
จนใกล้จะสมบูรณ์ก็จะท่าให้อุณหภูมิลดลง ในช่วงที่เกิดกิจกรรมย่อยสลายของจุลินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น
ควรมีการปรับสภาพในกองปุ๋ยหมักให้เหมาะสม ได้แก่ การระบายอากาศโดยการกลับกองปุ๋ย เพื่อเพิ่มการ
ถ่ายเทอากาศและท่าให้กองปุ๋ยมีความร้อนกระจายสม่่าเสมอ และเอาวัสดุที่อยู่ภายนอกเข้ามารับความร้อน

