Page 70 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 70
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
59
นี้จึงเหมาะสมในการปรับปรุงพื้นที่ที่เป็นดินทราย ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์โพแทสเซียมค่อนข้างต่่า เช่น ดินในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ การใส่ปุ๋ยคอกสดหรือแห้งก็ได้ โดยควรใส่ในอัตรา 1 – 3 ตันต่อไร่ ในขณะเตรียมดิน
แล้วไถกลบทิ้งไว้ 15 – 30 วัน ก่อนปลูกพืช แต่ถ้าใส่ในดินที่มีพืชเจริญอยู่แล้ว ควรน่ามูลสัตว์มาตากแห้ง
ก่อนสักระยะหนึ่งแล้ว จึงน่าไปใส่ในดินบริเวณรอบทรงพุ่ม จากแปลงทดสอบโดยการใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 3 ตัน
ต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 16 – 20 – 0 อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ ท่าให้ข้าวพันธุ์พื้นเมืองพันธุ์ กข.6 พันธุ์
เหลืองประทิว และข้าวฟ่างพันธุ์พื้นเมือง มีผลผลิตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับต่ารับการทดลองอื่นๆ ดังนี้ 460,
644, 624 และ 176 กิโลกรัมต่อไร่ ตามล่าดับ ดังแสดงไว้ในตารางที่ 4.7
ตารางที่ 4.7 ผลของการใช้ปุ๋ยคอกต่อผลผลิตข้าว
ผลผลิต (กก./ไร่)
จังหวัด พืชที่ทดสอบ
ไม่ใส่ปุ๋ย ปุ๋ยคอก3 ตัน/ไร่ ปุ๋ยคอก3 ตัน/ไร่ ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยเคมี10 กก./ไร่ 20 กก./ไร่
หนองคาย ข้าวพื้นเมือง 256 304 460 384
(พันธุ์ดอนยวน)
ยโสธร ข้าวพันธุ์ กข.6 304 404 644 416
ตาก ข้าวเหลืองประทิว 316 552 624 504
นครสวรรค์ ข้าวฟ่างพันธุ์ 118 145 176 169
พื้นเมือง
ที่มา: ส่านักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน (2551)
4.2 การหมักปุ๋ยคอกก่อนนําไปใช้ การน่าสิ่งขับถ่ายของสัตว์ ได้แก่ มูลและปัสสาวะ ไปใช้โดยตรง
ในแปลงพืชได้ทันทีอาจเป็นอันตรายต่อพืช เพราะความร้อนและอินทรียสารบางชนิดที่เกิดขึ้นระหว่างที่มูล
สัตว์สลายตัว ดังนั้น ควรมีการหมักมูลสัตว์ก่อนน่าไปใช้ เพื่อแปรสภาพอินทรียสารเดิมในมูลสัตว์ให้เป็นสาร
ฮิวมิกมากขึ้นและได้ปุ๋ยที่เหมาะแก่การใช้ ซึ่งแตกต่างจากการท่าปุ๋ยหมัก เนื่องจากการท่าปุ๋ยหมักใช้ซากพืช
เป็นหลักและอาจใส่มูลสัตว์เป็นส่วนผสมในกองหมักเท่านั้น (Yang, 2000) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสลายของ
มูลสัตว์ในกองหมัก ได้แก่ ความชื้น อุณหภูมิ สภาพกรดด่าง การถ่ายเทอากาศ ขนาดของชิ้นวัสดุและ
สัดส่วนระหว่างคาร์บอนต่อไนโตรเจน ส่าหรับความชื้นของมูลสัตว์หากสูงกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ กิจกรรมของ
จุลินทรีย์ใช้ออกซิเจนจะลดลง ท่าให้การสลายตัวของมูลสัตว์ช้าและมีกลิ่นเหม็น ส่วนการถ่ายเทอากาศก็มี
ความส่าคัญมาก ควรให้กองปุ๋ยมีช่องว่างไม่น้อยกว่า 30เปอร์เซ็นต์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมของจุลินทรีย์ใช้
ออกซิเจน โดยปรกติมูลสัตว์มักมีความชื้นสูงกว่า 80เปอร์เซ็นต์ จึงควรเติมแกลบหรือขี้เลื่อยเพื่อปรับ
ความชื้นให้อยู่ระหว่าง 50 – 60 เปอร์เซ็นต์จึงเริ่มหมัก (ยงยุทธและคณะ, 2551) โดยพบว่าปุ๋ยคอกที่หมัก
ก่อนการน่าไปใช้จะมีปริมาณธาตุอาหารค่อนข้างสูง โดยให้ธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมค่อนข้างสูง
ประมาณร้อยละ 42.0 และ 49.5 ตามล่าดับ เมื่อเทียบกับฟอสฟอรัสซึ่งมีประมาณ 22.5 เปอร์เซ็นต์ (Harry
et al., 1974) ฉะนั้นการน่าปุ๋ยคอกซึ่งหมักแล้วไปใช้ในดินทราย เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ผลดีมาก