Page 69 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 69
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
58
ไนโตรเจนที่พืชดูดได้มีความสัมพันธ์กับ C:N เรโชของปุ๋ยอินทรีย์เหล่านั้น จากการศึกษาปุ๋ยอินทรีย์ 13 ชนิด
นี้ที่มีค่าC:N เรโช ระหว่าง 6.6 ถึง 21.7 นั้น การทดลองในช่วงเวลา 67 วัน สรุปได้ว่า ปุ๋ยอินทรีย์ที่มี C:N
เรโชต่่ากว่า 13 ปลดปล่อยไนโตรเจนออกมาให้พืชในช่วงสั้นได้ดีกว่าพวกมีค่า 13–15 และที่สูงกว่า 15 จะ
ปลดปล่อยได้น้อย ดังนั้น C:N เรโชของปุ๋ยอินทรีย์จึงเป็นข้อมูลที่ส่าคัญอย่างหนึ่งในการประเมินผลของปุ๋ยต่อ
พืชในช่วงสั้น (Hartz et al., 2000; Qlan and Schoenau, 2002)
2. ธาตุฟอสฟอรัสในปุ๋ยคอก มีทั้งที่เป็นอนินทรียสารและอินทรียสาร มูลแกะมีฟอสฟอรัส
ประมาณร้อยละ 1 ในจ่านวนนี้เป็นอนินทรียสารร้อยละ 82 และอินทรียสารร้อยละ 18 ของที่มีอยู่ หากแจง
ฟอสฟอรัสในอินทรียสารจะได้ 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ประกอบเป็นฟอสโฟลีฟิด (phospholipids) ร้อยละ 0.3
ส่วนที่ 2 อยู่ในโปรตีนร้อยละ 12.1 ส่วนที่ 3 อยู่ในอินทรียสารซึ่งละลายในกรดไตรคลอโรแอซิติกร้อยละ 3.1
และส่วนที่ 4 ประกอบเป็นสารอินทรีย์อื่นๆ อีกร้อยละ 2.5 ของฟอสฟอรัสทั้งหมด ส่วนมากสัตว์ได้รับ
ฟอสฟอรัสจากการกินพืช กระดูกและเกลือฟอสเฟส ส่าหรับฟอสฟอรัสที่สัตว์ปีกได้รับจากอาหารส่วนมากอยู่
ในรูปของเกลือไฟเทตหรือเกลือของกรดอินโนซิทอลเฮ็กซาฟอสฟอริก (inositalhexaphosphoric acid) ซึ่ง
สัตว์ย่อยและดูดซึมไปใช้ได้น้อย ดังนั้นเกลือไฟเทตส่วนใหญ่จึงถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ เมื่อเกลือนี้อยู่
ในดินจะถูกจุลินทรีย์ย่อยแล้วปลดปล่อยฟอสเฟตไอออนออกมาให้พืชใช้ประโยชน์ได้ โดยปกติสารประกอบ
อินทรีย์ฟอสเฟตในดินมีอยู่ 3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 คือ เกลืออินโนซิทอลเฮ็กซาฟอสเฟต ประเภทที่ 2
คือ ฟอสโฟลิพิด และประเภที่ 3 คือ กรดนิวคลีอิก นอกจากนี้อาจพบฟอสโปรตีนและน้่าตาลฟอสเฟต
(sugar phosphate) ด้วย ในบรรดาสารประกอบเหล่านี้มีอินโนซิทอลเฮ็กซาฟอสเฟตประมาณร้อยละ 50
ของอินทรีย์ฟอสเฟตทั้งหมด ในแง่ของความเป็นประโยชน์นั้น พืชสามารถใช้ฟอสฟอรัสจากกลีเซอรอล
ฟอสเฟต (glycerol phosphate) น้่าตาลฟอสเฟตม อินโนซิทอลเฮ็กซาฟอสเฟตและกรดนิวคลีอิก ซึ่ง
จุลินทรีย์ย่อยสลายรวดเร็วได้ดีทัดเทียมกับปุ๋ยอนินทรีย์ฟอสเฟต ดังนั้นส่วนของฟอสฟอรัสในปุ๋ยคอกที่พืชใช้
เป็นประโยชน์ค่อนข้างง่าย คือ ฟอสฟอรัสในรูปเหล่านี้ ส่วนพวกที่มีโมเลกุลใหญ่และสลับซับซ้อนกว่าก็จะถูก
จุลิทรีย์ดินย่อยสลายด้วยเวลาที่นานขึ้นแล้วพืช จึงได้รับประโยชน์ในภายหลัง (Dual, 1977; Sikora and
Enkiri, 2003 and 2005)
3. ธาตุโพแทสเซียมในปุ๋ยคอก จะอยู่ในรูปของเกลือที่ละลายน้่าง่ายและเป็นประโยชน์แก่พืช
ดังนั้นหากกองปุ๋ยคอกไว้ในที่แจ้งธาตุโพแทสเซียมก็จะถูกฝนชะออกไป
4. การจัดการปุ๋ยคอกและนําไปใช้
ปุ๋ยคอกมีรูปแบบการใช้ 2 แบบ คือ ปุ๋ยคอกที่เป็นของแข็ง และปุ๋ยคอกที่เป็นของเหลว โดยมีวิธีการใช้
ปุ๋ยคอกอยู่ 3 วิธี ดังนี้
4.1 ปุ๋ยคอกที่เป็นของแข็งไปใช้โดยตรง การน่ามูลสัตว์แบบสดสามารถน่าไปใช้ในสวนไร่นาได้เลย
แต่การใช้แบบนี้ต้องค่านึงชนิดของดินและพืชที่ปลูก เพราะการน่ามูลสัตว์แบบสดใส่ลงในดินที่ปลูกพืชอาจท่า
ให้พืชเหี่ยวหรือตายได้ เนื่องจากความร้อนและอินทรียสารบางชนิดซึ่งสะสมระหว่างที่มูลสัตว์สลายตัวจาก
รายงานของ Harry et al. (1974) ว่า การใส่มูลโคโดยตรงอัตรา 6 ตันต่อไร่ ท่าให้เพิ่มปริมาณธาตุอาหาร
ให้กับพืช โดยให้ธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมค่อนข้างสูง คือ 44 และ 40.5 เปอร์เซ็นต์ ตามล่าดับ เมื่อ
เทียบกับฟอสฟอรัสซึ่งจะให้ธาตุอาหารค่อนข้างต่่า คือ 19.4 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นการใช้ปุ๋ยคอกแบบใช้โดยตรง