Page 140 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 140
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
129
ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นออกมาในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ glycerol, acetic acid, organic acids, amino acids,
purines, pyrimidines และ alcohol นอกจากนี้ยีสต์จะผลิตวิตามินและฮอร์โมนในระหว่างกระบวนการ
หมักด้วย ในกระบวนการหมักนั้นจะมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างต่่ามาก แต่ยีสต์สามารถเจริญเติบโตได้ดีใน
สภาพที่เป็นกรดสูงระหว่าง 4.0 – 6.5 แอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการหมักเป็นปัจจัยหนึ่งที่ควบคุม
คุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์น้่าด้วย
3.2 กลุ่มแบคทีเรียผลิตกรดแลคติก (Lactic acid bacteria) เป็นแบคทีเรียแกรมบวกไม่มีการ
สร้างสปอร์ (endospore) รูปร่างของเซลล์มีลักษณะเป็นท่อน จัดอยู่ใน Family Lactobacillaceae มีการ
เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน ได้แก่ แบคทีเรียในสกุล Lactobacillus sp. และใช้น้่าตาลเป็น
แหล่งอาหารและพลังงานโดยทั่วไปแล้วแบคทีเรียที่ผลิตกรดแลคติกจะมีอยู่ในสภาพธรรมชาติ เช่น ในพืชผัก
ผลไม้ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์นม กรดแลคติกมีบทบาทในการถนอมอาหารหลายชนิด เช่น ผักดองต่างๆ
และผลิตภัณฑ์นมพวกท่าเนยแข็ง จุลินทรีย์ดังกล่าวมีความสามารถทนทานต่อสภาพความเป็นกรดสูงอยู่
ในช่วงระหว่าง 2.0 – 3.5 ซึ่งสภาวะความเป็นกรดสูงนี้จะมีผลกระทบต่อการยับยั้งการเพิ่มจ่านวนเซลล์หรือ
ก่าจัดกลุ่มจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสียของอาหาร
3.3 กลุ่มจุลินทรีย์ย่อยสลายอินทรีย์ไนโตรเจน จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการแปรสภาพอินทรีย์
ไนโตรเจนให้เป็นอนินทรีย์ไนโตรเจนประกอบด้วย แบคทีเรีย รา และแอคติโนมัยซีส ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจาก
กระบวนการดังกล่าวนี้ส่วนใหญ่จะได้แอมโมเนีย จึงเรียกกลุ่มจุลินทรีย์เหล่านี้ว่า ammonifiers กลุ่ม
แบคทีเรียในสกุล Bacillus sp. สามารถผลิต extracellular enzyme ออกมาภายนอกเซลล์ เรียกว่า
proteolytic enzyme (protease) ท่าหน้าที่ย่อยโปรตีนให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลงเป็นกรดอะมิโน
3.4 กลุ่มจุลินทรีย์แปรสภาพฟอสฟอรัส จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการแปรสภาพอินทรีย์ฟอสฟอรัส
และอนินทรีย์ฟอสฟอรัสในรูปที่ไม่เป็นประโยชน์ให้เป็นรูปฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ประกอบด้วย
แบคทีเรียในสุกล Bacillus sp.และราในสกุล Aspergillus sp. โดยจุลินทรีย์จะสร้างน้่าย่อยและกรดอินทรีย์
เพื่อละลายฟอสฟอรัสออกมาให้เป็นรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ซึ่งในองค์ประกอบเศษปลา พบว่า มี
สารประกอบฟอสฟอรัสทั้งในรูปอินทรียสารและอนินทรียสาร ในส่วนของอินทรียสารฟอสฟอรัสอยู่ในเนื้อ
ปลาประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของอินทรียสารฟอสฟอรัสอยู่ในกระดูกและเกล็ดปลาประมาณ 85 –
90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจุลินทรีย์กลุ่มนี้จึงมีความเหมาะสมในการท่าหน้าที่ย่อยสลายอินทรียสารและอินทรีย
สารฟอสฟอรัสของเศษปลา ท่าให้ได้ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อพืชและจุลินทรีย์ ในขณะเดียวกันจะได้
แคลเซ๊ยมออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชด้วย
4. วัตถุดิบสําหรับผลิตน้ําหมัก ประกอบด้วย
4.1 ชนิดของวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
วัสดุต้องมีลักษณะสด มี 2 ประเภท คือ
1) วัสดุเหลือใช้จากพืช ได้แก่ เศษพืชผักต่างๆ เศษผลไม้ และเศษอาหารจากบ้านเรือน
2) วัสดุเหลือใช้จากสัตว์ ได้แก่ เศษปลา เศษหอย รกหมู หรือสัตว์ที่ตายแล้วแต่ยังไม่เน่า