Page 96 - ผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการงานในพื้นที่เขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ำเข็ก อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
P. 96
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
65
(2) การปลูกพืชสลับ(Strip cropping) หมายถึงการปลูกพืชที่ให้การคุ้มกันดินสลับ
กับพืชที่ไม่ให้การคุ้มกันดินหลักการปลูกพืชเป็นแถบสลับคือเมื่อฝนตกลงมาบนพื้นที่ที่มีความลาดเทก็
จะเกิดน้ าไหลบ่าบนผิวดินที่ไม่ได้คุ้มกันดินอัตราการไหลของน้ าที่ไหลบ่าจะเป็นไปตามธรรมดาแต่เมื่อ
น้ าที่ไหลบ่ามาถึงแถบที่ปลูกพืชคุ้มกันดินจะท าให้อัตราการไหลของน้ าที่ผิวดินลดลงการปลูกพืชสลับ
เป็นการลดอัตราการเกิดsheet erosion และการป้องกันการเกิดการพังทลายที่เป็นร่องน้ าขนาดใหญ่
การปลูกพืชเป็นแถบสลับมีอยู่4ชนิดดังต่อไปนี้
(2.1) Field strip cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีความกว้าง
ของแถบสม่ าเสมอกันโดยวางให้แถบของพืชขวางกับทิศทางของความลาดเทโดยไม่ค านึงถึงระดับของ
พื้นที่การปลูกพืชแบบนี้นิยมปฏิบัติบนพื้นที่ที่มีความลาดเทไม่สม่ าเสมอในบางแห่งการปลูกพืชสลับวิธี
นี้ร่วมกับwind strip cropping จะให้ผลดีในการควบคุมการพังทลายของดิน
(2.2) Contour strip cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับไปบน
แนวระดับและวางแถบของพืชตั้งฉากหรือขวางกับทิศทางของความลาดเทโดยปลูกพืชหมุนเวียน
ประเภทคุ้มกันดิน
(2.3) Wind strip cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีแถบ
สม่ าเสมอกันและขวางทิศทางลมเหมาะที่จะปลูกในที่ราบหรือเกือบราบและมีปัญหาการพังทลายของ
ดินโดยลม
(2.4) Buffer strip cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีความ
กว้างของแถบสลับไม่สม่ าเสมอกันมักปลูกหญ้าสลับพืชตระกูลถั่วการปลูกพืชแบบนี้ป้องกันการ
พังทลายของดินมากกว่าจุดประสงค์อื่นๆ
(3) การปลูกพืชเป็นแนวป้องกันลม (Windbreak) เป็นการปลูกพืชที่มีกิ่งใบแน่น
เป็นการปลูกพืชขวางทิศทางลมเพื่อลดความเร็วและการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับดินไม่โค่นล้มง่ายขวางทาง
ลมไว้เพื่อลดความแรงของลมและลดการระเหยของน้ าที่ผิวหน้าดินส าหรับชนิดของพืชขนาดความสูง
และจ านวนที่ปลูกขึ้นอยู่กับความเร็วของลมและลักษณะการเคลื่อนที่ของลมการปลูกพืชก าบังลม
สามารถท าได้หลายแนวและหลายทิศทางควรระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับพืชหลัก
(4) การปลูกพืชคลุมดิน (Cover Crop) เป็นการปลูกพืชที่มีรากมากรากลึกใบแผ่
แน่นและโตเร็วเช่นหญ้าแฝกยึดหน้าดินไว้เพื่อป้องกันการชะล้างและช่วยรักษาความชื้นนอกจากนี้
ซากพืชยังท าให้ดินร่วนซุยและอุ้มน้ าได้ดีขึ้นอีกด้วย
(5) การใช้วัสดุคลุมดิน (Mulching) หมายถึงการคลุมดินด้วยวัตถุต่างๆเช่น
พลาสติก กระดาษเศษเหลือของพืชเป็นต้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ า การคลุมดินส่วนใหญ่นิยม
กระท าเพื่อรักษาความชื้นในดินโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งการคลุมดินยังมีประโยชน์ในแง่ของการลด
ปริมาณวัชพืชด้วยนอกจากนี้วัสดุคลุมดินยังช่วยให้อุณหภูมิของดินไม่แตกต่างกันมากเพื่อป้องกันการ
พังทลายที่เกิดจากเม็ดฝนที่ตกลงมาหรือที่เกิดจากน้ าไหลบ่าบนผิวดินหรือที่เกิดจากลมอัตราการใช้
วัตถุคลุมดินที่นิยมโดยทั่วไปคือ 600 ถึง 800 กิโลกรัมต่อไร่ส าหรับเศษเหลือของพืชและ 1.6 ถึง
2 ตันต่อไร่ส าหรับปุ๋ยคอก