Page 14 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 14

5





                       Rhizobium  sp.,  Burkholderia  sp.,  Arthrobacter  sp.,  Alcaligenes  sp.,  Serratia  sp.,
                       Enterobacter  sp.,  Acinetobacter  sp.,  Flavobacterium  sp. และ Erwinia  sp. เป็นต้น
                       (Illmer et al., 1995; Panhwar et al., 2012; Karpagam and Nagalashmi, 2014) จุลินทรีย์
                       เหล่านี้สามารถพบได้ทั่วไป ในดินพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ทั่วไป โดยเฉพาะดินบริเวณ

                       รากพืช (อาภารัตน์, 2549) แต่ชนิดและปริมาณของจุลินทรีย์ขึ้นอยู่กับชนิดของดินและการใช้
                       ประโยชน์ที่ดินของเกษตรกร (ธงชัย, 2546)
                              กลไกการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตของจุลินทรีย์เกิดจากกระบวนการผลิตกรดอินทรีย์
                       ของจุลินทรีย์ เช่น กรดกลูโคนิค (gluconic)  กรดไกลโคลิก (glycolic  acid)  กรดฟูมาริค (fumaric)

                       กรดซัคซินิค (succinic)  กรดอะซีติค (acetic)  กรดออกซาลิค (oxalic)  และกรดซิตริค (citric)
                       เป็นต้น (Rodriguez and R. Fraga, 1999; Panhwar et al., 2011; Surapat et al., 2013)       โดย
                       กรดอินทรีย์เหล่านี้จะทําให้เกิดกระบวนการคีเลชั่น (Chelation) และปฏิกิริยาแลกเปลี่ยนประจุ ทําให้
                       สารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟตที่ถูกดูดยึดในดินเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ (Poonguzhal et al., 2008;

                       Khan et al., 2009; Sharma et al., 2013) ธงชัย (2546) กล่าวว่าส่วนใหญ่จุลินทรีย์กลุ่มเฮทเทอโร
                       โทรพ (heterotroph)  จะปลดปล่อยกรดอินทรีย์ออกมาจํานวนหนึ่งเสมอระหว่างการย่อยสลาย
                       สารอินทรีย์ แต่จะมีความแตกต่างกันทั้งชนิดและปริมาณของกรดอินทรีย์ จากการศึกษาของ Illmer

                       and  schinner  (1992) พบว่าระหว่างการละลายสารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟตของจุลินทรีย์
                       Penicillium sp. และ Pseudomonas sp. มีการปลดปล่อยกรดไกลโคลิก และกรดกลูโคนิก ซึ่งกรด
                       เหล่านี้มีส่วนในการละลายฟอสเฟตในดิน อีกทั้งกรดอินทรีย์บางชนิดทําปฏิกิริยาคีเลชั่นกับแคลเซียม
                       และเหล็ก ทําให้มีอนินทรีย์ฟอสเฟตในสารละลายดินมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าจุลินทรีย์
                       Nitrobacter  sp.  และ Thiobacillus  sp.  สามารถสร้างและปลดปล่อยกรดไนตริค (nitric  acid)

                       และซัลฟูริค (sunfulic  acid) ซึ่งกรดดังกล่าวช่วยลดความเป็นด่างของดิน ทําให้เกิดการละลาย
                       ฟอสเฟตมากขึ้น สอดคล้องกับ Illmer  and  schinner  (1995)  ศึกษาการละลายอะลูมินั่มฟอสเฟต
                            -
                       (AIPO ) ของจุลินทรีย์ 4 สายพันธุ์ คือ Aspergillus  niger,  Penicillium  simplicissimum,
                            4
                       Pseudomonas  sp.  และ  Penicillium  aurantiogriseum พบว่าจุลินทรีย์ทั้ง 4 สายพันธุ์
                       มีความสามารถในการละลายอะลูมินั่มฟอสเฟตได้ดี โดยเชื้อรา  Aspergillus  niger มีการผลิต
                       กรดซิตริค กรดออกซาลิค และกลูโคนิค ระหว่างการเจริญเติบโต สอดคล้องกับ Surapat  et  al.
                       (2013)  ได้ศึกษาจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตจากดินบริเวณรากพริกไทยจํานวน 10 ไอโซเลท ในอาหาร

                       เลี้ยงเชื้อพิโคสคายา (Pikovskaya  medium)  ที่เติมไตรแคลเซียมฟอสเฟต 0.5 เปอร์เซ็นต์ พบว่า
                       จุลินทรีย์ทั้งหมดสามารถละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตได้ระหว่าง 126.36-499.85 มิลลิกรัมต่อลิตร
                       โดยจุลินทรีย์ KSO   มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ  499.85 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีการผลิตกรดอะซิตริค
                                      4
                       กรดซิตริค กรดกลูโคนิค กรดแลคติคซัคซีนิค และกรดโปรไพโอนิค ระหว่างการเจริญเติบโตของ

                       จุลินทรีย์ แต่ประสิทธิภาพการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตของจุลินทรีย์แต่ละชนิดจะมีประสิทธิภาพการ
                       ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของจุลินทรีย์และรูปของอนินทรีย์ฟอสเฟตในดิน
                       จากการศึกษาของ Illmer and schinner (1992) พบว่าเชื้อรา Penicillium sp. และเชื้อแบคทีเรีย
                       Pseudomonas sp. ที่คัดแยกจากดินป่ามีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียงกันในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต

                       ในอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดเหลว ที่มีส่วนผสมของไฮดรอกไซด์อะพาไทด์และแคลเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19