Page 15 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 15
6
ดีไฮเดรท (hydroxyl apatite และ calcium hydrogenphosphate dehydrate) เมื่อนําจุลินทรีย์ทั้ง
2 สายพันธุ์ มาทดสอบการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในดินที่มีการเติมหินฟอสเฟตเป็นแหล่งฟอสฟอรัส
พบว่าเชื้อรา Penicillium sp. มีประสิทธิภาพการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตสูงกว่าเชื้อแบคทีเรีย
Pseudomonas sp. สอดคล้องกับ Goenadi et al. (2000) ซึ่งได้ศึกษาประสิทธิภาพของเชื้อรา
ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตที่คัดเลือกจากดินป่าเขตร้อนในประเทศอินโดนีเซีย 36 ไอโซเลท ในอาหาร
เลี้ยงเชื้อชนิดเหลวที่มีโมร็อคแกนฟอสเฟต (Moroccan phosphate) เป็นส่วนประกอบ พบว่าเชื้อรา
Penicillium sp. และ Aspergillus sp. มีประสิทธิภาพสูงสุดในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต โดยเชื้อ
รา Aspergillus sp. มีแนวโน้มมีประสิทธิภาพสูงกว่าเชื้อรา Penicillium sp. สอดคล้องกับ Nahas et
al. (1992) ได้ศึกษาเชื้อรา Aspergillus niger ในการละลายแร่ฟูโออะพาไทต์ (Fluorapatite) พบว่า
เชื้อรา Aspergillus niger มีประสิทธิภาพในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตได้สูงสุด
แต่จากการศึกษาของ Stephen and Jisha (2011) ได้คัดเลือกจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตจากดินบริเวณรากของพริกไทยดํา ข้าว กล้วย ถั่วพุ่ม สับปะรด และยางพารา สามารถ
คัดเลือกจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตได้ 17 ไอโซเลท โดยมีประสิทธิภาพการละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตอยู่ในช่วง 11.38-68.80 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยจุลินทรีย์ PSB 73 มีประสิทธิภาพสูงสุดในการ
ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต เมื่อจําแนกจุลินทรีย์พบว่าเป็นแบคทีเรีย Burkholderia gladioli
สอดคล้องกับ Song et al. (2008) พบว่าแบคทีเรีย Burkholderia cepacia ที่คัดแยกมาจากดิน
บริเวณจังหวัดกิมแฮ ประเทศเกาหลี สามารถละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดเหลวที่
มีการเติมไตรแคลเซียมฟอสเฟต 0.5 เปอร์เซ็นต์ ได้ถึง 345.9 มิลลิกรัมต่อลิตร โดย Pandey et al.
(2008) กล่าวว่าแบคทีเรียในกลุ่ม Burkholderia sp. สามารถใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพเพิ่มความเป็น
ประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดิน ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีและมลพิษต่างๆ จากการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่อง
ได้ สอดคล้องกับ Kailasan and Vamnrao (2015) พบว่าแบคทีเรีย Burkholderia tropica และ
Burkholderia cepacia มีประสิทธิภาพในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในอาหารเลี้ยงชนิดเหลวได้
ถึง 400.00 และ 375.00 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลําดับ นอกจากนี้ยังสามารถผลิตสารเสริมการ
เจริญเติบโตของพืช เอนไซม์ฟอสฟาเตส และสารซิเดอร์โรฟอร์ ช่วยให้พืชมีความต้านทานโรคพืช
สอดคล้องกับ Ruangsanka (2014) ได้ศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตที่คัด
แยกได้จากดินในบริเวณรากไผ่ จังหวัดกาญจนบุรี จํานวน 56 ไอโซเลท พบว่าแบคทีเรีย
Enterobacter sp. และ Burkholderia sp. มีประสิทธิภาพสูงสุดในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต
โดยส่วนใหญ่พบแบคทีเรีย Burkholderia pyrrocinia มากที่สุดทั้งในบริเวณรอบราก บริเวณผิวราก
และภายในเซลล์รากไผ่
การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต เพื่อเพิ่มความเป็นประโยชน์ของ
ฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัด ปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพ เพิ่ม
ความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินอย่างกว้างขวาง โดย Panhwar et al. (2014) ได้คัดเลือก
จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตจากพื้นที่ดินกรดจัด (pH 4.7) จํานวน 21 ไอโซเลท เมื่อนํามา
ทดสอบประสิทธิภาพการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต พบว่าจุลินทรีย์ PSB7, PSB17 และ PSB21
สามารถละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตได้สูงสุดคือ 60.12 76.03 และ 70.12 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลําดับ
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพต่อการเจริญเติบโตของข้าว พบว่า การใส่จุลินทรีย์ทั้ง 3 ไอโซเลท ทําให้ข้าว

