Page 16 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 16
7
มีความยาวของรากมากกว่าการไม่ใส่จุลินทรีย์ คือ 57.6 58.02 58.51 และ 24.31 เซนติเมตร
ตามลําดับ และเมื่อนําจุลินทรีย์ทั้ง 3 ไอโซเลท มาจัดจําแนก พบว่าเป็นแบคทีเรีย Burkholderia
thailandensis, Sphingomonas pituitosa และ Burkholderia seminalis ตามลําดับ สอดคล้อง
กับ Stephen et al. (2015) ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต
Gluconacetobacter sp. และ Burkholderia sp. ต่อการเพิ่มการเจริญเติบโตของข้าวในสภาพ
โรงเรือนทดลอง โดยเก็บตัวอย่างดินจากแปลงเกษตรกรที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างเท่ากับ 5.0
มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 1.62 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม พบว่าการใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตสามารถเพิ่มปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินได้มากกว่าการไม่ใส่จุลินทรีย์ละลายอนิ
นทรีย์ฟอสเฟต ขณะที่การใส่จุลินทรีย์ Burkholderia sp. มีประสิทธิภาพในการละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตสูงกว่าจุลินทรีย์ Gluconacetobacter sp. สอดคล้องกับ Dar et al. (2014) ได้คัดเลือก
จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตจากดินบริเวณรากอ้อย (Saccharum officinarum) ประเทศ
ปากีสถาน จํานวน 16 ไอโซเลท เมื่อนํามาทดสอบการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในอาหารเลี้ยงเชื้อ
เหลวที่มีการเติมไตรแคลเซียมฟอสเฟต 1 เปอร์เซ็นต์ พบว่าจุลินทรีย์ CEMB-22 และ CEMB-15 มี
ประสิทธิภาพสูงสุดในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต คือ 61.70 และ 59.50 มิลลิกรัมต่อลิตร
ตามลําดับ เมื่อจัดจําแนกเชื้อพบว่าจัดเป็น Klebsiella sp. และ Burkholderia sp. และเมื่อนํา
จุลินทรีย์ทั้ง 2 สายพันธุ์ มาทดสอบประสิทธิภาพต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวในแปลงทดลอง
พบว่าการใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตทั้ง 2 สายพันธุ์ ทําให้ข้าวมีผลผลิตสูงกว่าการใส่ปุ๋ยเคมี
ฟอสฟอรัสเพียงอย่างเดียว คือ 333.12 332.32 และ 320.16 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลําดับ ขณะที่การใส่
จุลินทรีย์ผสม 2 สายพันธุ์ ทําให้ข้าวมีผลผลิตสูงสุด คือ 348.91 กิโลกรัมต่อไร่ สอดคล้องกับ Hassan
et al. (2012) ได้ศึกษาปุ๋ยชีวภาพจุลินทรีย์ละลายอนิทรีย์ฟอสเฟตในการผลิตข้าวประเทศอิหร่าน
โดยเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัสการใช้จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตแช่รากก่อนปลูก
ร่วมกับลดปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส 50 เปอร์เซ็นต์ การใช้จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตแช่รากก่อนปลูก
และปล่อยไปกับน้ําหลังปักดําร่วมกับลดปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส 50 เปอร์เซ็นต์ การใช้จุลินทรีย์ละลาย
อนินทรีย์ฟอสเฟตแบบปล่อยไปกับน้ําหลังปลูก 1 เดือน ร่วมกับลดปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส 50 เปอร์เซ็นต์
และการใช้จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตแบบปล่อยไปกับน้ําหลังปลูก 1 และ 2 เดือน ร่วมกับลด
ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส 50 เปอร์เซ็นต์ พบว่าทุกวิธีที่มีการใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตให้ผลผลิต
ข้าวสูงกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัสตามค่าวิเคราะห์ดินเพียงอย่างเดียว โดยการใส่จุลินทรีย์ละลาย
อนินทรีย์ฟอสเฟตแบบปล่อยไปกับน้ําหลังปลูก 1 เดือน ร่วมกับลดปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัส 50 เปอร์เซ็นต์
ให้ผลผลิตข้าวสูงสุด คือ 738.03 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่การใส่ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัสตามค่าวิเคราะห์ดินได้
ผลผลิตข้าว เท่ากับ 652.96 กิโลกรัมต่อไร่ จะเห็นได้ว่าจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตสามารถ
ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวและลดการใช้ปุ๋ยเคมีฟอสฟอรัสได้
นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตร่วมกับการใช้หินฟอสเฟต
เพื่อเพิ่มแหล่งฟอสฟอรัสในดิน โดย Linu et al. (2009) ได้ศึกษาประสิทธิภาพการละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟตของจุลินทรีย์ Gluconacetobacter sp., Burkholderia sp. และ Pseudomonas striata
ต่อการเจริญเติบโตของถั่วพุ่ม (Vigna unguiculata (L.) Walp) พบว่าการใส่จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์
ฟอสเฟต Burkholderia sp. และ Pseudomonas striata ร่วมกับหินฟอสเฟตทําให้มีปริมาณ

