Page 12 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 12
3
การเกษตรจะมีอินทรีย์ฟอสฟอรัส 5-50 เปอร์เซนต์ของฟอสฟอรัสทั้งหมด (Harrison, 1987) ปริมาณ
อินทรีย์ฟอสฟอรัสที่สะสมในดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณอินทรียวัตถุ ชนิดของพืชที่
ปลูก เช่น พืชตระกูลถั่วซึ่งมีการตรึงไนโตรเจนในอากาศ จะทําให้อินทรีย์ฟอสฟอรัสในพืชเพิ่มขึ้นด้วย
และเมื่อมีการไถกลบลงดินทําให้อินทรีย์ฟอสฟอรัสในดินเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอินทรีย์
ฟอสฟอรัสจะเป็นแหล่งของฟอสฟอรัสที่สําคัญในดิน แต่พืชไม่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ทันที การ
แปรสภาพอินทรีย์ฟอสฟอรัสเป็นอนินทรีย์ฟอสฟอรัสเกิดขึ้นโดยอิทธิพลของแบคทีเรีย เชื้อรา และ
แอคติโนมัยซีท ที่ย่อยอินทรียวัตถุโดยทั่วไป เนื่องจากการเจริญหรือกิจกรรมของจุลินทรีย์ดินที่
เกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆ ในดินต้องการฟอสฟอรัส
อนินทรีย์ฟอสฟอรัสทั้งพวกที่เป็นไอออนในสารละลายดิน พวกที่เป็นสารประกอบที่ไม่ละลาย
น้ํา และพวกที่ถูกดูดซับ (adsorbed phosphate) ที่ผิวไฮดรัสออกไซด์ (hydrous oxide) ของเหล็ก
อะลูมินัม และแร่ดินเหนียวซิลิเกต (silicate clay mineral) ซึ่งอนินทรีย์ฟอสฟอรัสหากแบ่งตาม
ความเป็นประโยชน์ต่อพืชสามารถแบ่งได้ ดังนี้ (ปัทมา, 2543)
1) ฟอสเฟตที่พืชใช้ประโยชน์ได้ทันที (readily available phosphate; solution phosphate)
-
มีอยู่ 2 รูป ได้แก่ โมโนเบสิคออร์โทฟอสเฟต (monobasic orthodiphosphate; H PO ) และไดเบ
2
4
2-
สิคออร์โทฟอสเฟต (dibasic orthophosphate; HPO )
4
2) ฟอสเฟตที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอย่างช้าๆ (slowly available phosphate; labile
phosphate) อยู่ในรูปสารประกอบแคลเซียม เหล็ก และอลูมินัมฟอสเฟต สามารถปลดปล่อยออกมา
เป็นประโยชน์ต่อพืชได้
3) ฟอสฟอรัสที่พืชใช้ประโยชน์ได้ช้ามาก (non-labile phosphate; insoluble phosphate;
very slowly available phosphate) ในดินส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปนี้โดยจะถูกดูดยึดอย่างแข็งแรง
กับไฮดรัสออกไซด์ของเหล็กและอลูมินั่ม (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2541)
การดูดยึดฟอสฟอรัสในดิน ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นการดูดยึดแบบจําเพาะ (specific
adsorption) โดยเป็นการดูดยึดในลักษณะการเกิดพันธะขึ้นระหว่างแอนไอออนกับธาตุโลหะ
ซึ่งฟอสฟอรัสจะเข้าไปแลกเปลี่ยนตําแหน่งกับลิแกนด์ (Ligand) ของธาตุโลหะที่เป็นองค์ประกอบของ
แร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไฮดรอกซิลและโมเลกุลของน้ํา โดยการแลกเปลี่ยนลิแกนดจะทําใหเกิดพันธะ
เคมีระหวางแอนไอออนกับธาตุโลหะนั้น (เพิ่มพูน, 2542) การดูดยึดฟอสเฟตของแรดินเหนียวพวก
เคโอลิไนท์ (Kaolinite) มอลโมลิโลไนท์ (montmorillonite) และอิลไลท์ (illite) จะดูดยึดฟอสเฟต
โดยการทําปฏิกิริยากับไอออนฟอสเฟตโดยกระบวนการเซอร์เฟสรีแอคชั่น (surface reaction) คือ
ไอออนฟอสเฟตจะเขาแทนที่กลุ่มไฮรอกไซด์ (hydroxy group) ที่อยูรอบๆ ผิวผลึกของแรดินเหนียว
ซิลิเกต แลวไอออนฟอสเฟตจะทําปฏิกิริยากับอะตอมของอะลูมินั่ม หรือเหล็กในโครงสรางแรซิลิเกต
ทําให้ไอออนฟอสเฟตกลายเปนองคประกอบของแรดินเหนียว (คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2541)
ฟอสเฟตจะยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวอนุภาคได้ทั้งประจุบวกและประจุลบ การดูดยึดของฟอสเฟตกับ
ออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ และไฮดรัสออกไซด์ของเหล็กและอะลูมินั่มที่ผิวคอยลอยด์ดินสามารถเกิดขึ้นได้
เสมอขึ้นอยู่กับชนิดของประจุบนผิวของแร่ดินเหนียว (ปัทมา, 2543) การที่ฟอสเฟตซึ่งเป็นประจุลบ
สามารถยึดเกาะบนพื้นผิวที่เป็นประจุลบเหมือนกันได้ เนื่องจากฟอสเฟตมีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ
และสามารถแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออนได้ (เพิ่มพูน, 2542)

