Page 18 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 18
9
สภาพเป็นกรดเล็กน้อยถึงปานกลาง (ค่าความเป็นกรดเป็นด่างไม่เกิน 5.0) (กรมพัฒนาที่ดิน, 2548
(ก)) สําหรับผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ พด.9 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในดินที่มีสภาพเป็น
กรดกํามะถัน มีความรุนแรงของกรดน้อย หรือมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินไม่ต่ํากว่า 5.0 โดย
ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ทั้ง 2 ชนิด เป็นจุลินทรีย์ที่สามารถผลิตกรดอินทรีย์บางชนิด เพื่อละลาย
สารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟตที่ถูกดูดยึดในดินให้อยู่ในรูปที่พืชใช้ประโยชน์ได้ (กรมพัฒนาที่ดิน,
2548(ข)) แต่เนื่องจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิด มีข้อจํากัดในดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็น
ด่างของดินไม่ต่ํากว่า 5 ทําให้ไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่จะนําไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นในปี 2549 จึงได้มีการ
วิจัยคัดเลือกจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตที่ถูกดูดยึดในดินให้ครอบคลุม
ทั้งดินที่มีสภาพกรดเล็กน้อย กรดปานกลาง กรดจัด และดินเปรี้ยวจัด โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์
จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ซึ่งประกอบด้วยแบคทีเรีย Burkholderia fungorum ที่มีประสิทธิภาพใน
การละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตที่ถูกดูดยึดในดินครอบคลุมทั้งดินกรดเล็กน้อย กรดปานกลาง กรดจัด
และดินเปรี้ยวจัด (กรมพัฒนาที่ดิน, 2554) โดยมีประสิทธิภาพการละลายแคลเซียมฟอสเฟตสูงสุด
850 มิลลิกรัมต่อลิตร สามารถละลายละลายเหล็กฟอสเฟตอยู่ในช่วง 19.90-22.00 มิลลิกรัมต่อลิตร
และละลายอะลูมินั่มฟอสเฟตอยู่ในช่วง 16.50-20.50 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่ระดับความเป็นกรดเป็นด่าง
ของอาหารเลี้ยงเชื้อ 3.5, 4.5, 5.0 และ 6.0 (นวลจันทร์และคณะ, 2553) วิธีการใช้จุลินทรีย์ซุปเปอร์
พด.9 ต้องมีการขยายเพื่อเพิ่มปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ โดยการขยายเชื้อจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ในปุ๋ย
หมัก 300 กิโลกรัม รําข้าวละเอียด 3 กิโลกรัม จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 จํานวน 1 ซอง (100 กรัม)
ปรับความชื้น 70 เปอร์เซ็นต์ และตั้งกองปุ๋ยเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในที่ร่ม โดยขยายเชื้อเป็นเวลา 4 วัน
8
จะทําให้มีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ประมาณ 10 โคโลนีต่อกรัม การใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9
สามารถนําไปใช้ในพื้นที่ที่มีความเป็นกรดเป็นด่างตั้งแต่ 4.0-6.0 ในนาข้าว พืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก
ไม้ประดับ ใช้อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านให้ทั่วแปลงหรือใส่ระหว่างแถวก่อนปลูกพืช ส่วนใน
ไม้ผล ไม้ยืนต้นใช้อัตรา 3 กิโลกรัมต่อต้น ในช่วงเตรียมหลุมปลูกโดยใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกพืชและ
ในช่วงที่ต้นพืชเจริญแล้วใส่รอบทรงพุ่มในช่วงการบํารุงรักษาต้น (กรมพัฒนาที่ดิน, 2554)
ข้าว
ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สําคัญของประเทศไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าออไรซา ซาทิวา
(Oryza sativa L.) ข้าวที่ปลูกในประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ อินเดีย บางส่วนของบังคลาเทศ พม่า
ไทย ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ อินดิกา (indica) จาโปนิกา (japonica) และ
จาวานิกา (javanica) หรือสายพันธุ์ชวา ข้าวที่ปลูกในประเทศไทยเป็นพวกอินดิกา ซึ่งแบ่งเป็นข้าวเจ้า
และข้าวเหนียว (ยงยุทธ, 2558) โดยการจําแนกการปลูกข้าวตามระบบน้ําสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท
ได้แก่ ข้าวไร่ ข้าวนาน้ําขัง และข้าวขึ้นน้ํา นอกจากนี้ข้าวแบ่งเป็น 2 ประเภท ตามประเภทของ
คาร์โบไฮเดรตในเอนโดสปิร์ม คือ ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว การเจริญเติบโตของข้าวแบ่งเป็น 3 ระยะ
ได้แก่ ระยะการเจริญเติบโตของลําต้น ระยะสืบพันธุ์ และระยะการเจริญเติบโตของเมล็ด
(Moldenhauer et al., 2003) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของข้าวประกอบด้วยหลาย
ปัจจัย เช่น แสง อุณหภูมิ น้ํา พันธุ์ และธาตุอาหาร เป็นต้น ธาตุอาหารที่จําเป็นต่อการเจริญเติบโต
และให้ผลผลิตของข้าวประกอบด้วย 17 ธาตุ และธาตุอาหารแต่ละชนิดมีบทบาทแตกต่างกัน
ฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารหลักที่สําคัญต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของข้าว ซึ่งเป็นองค์ประกอบ

