Page 17 - การศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 ต่อการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสและผลผลิตข้าวในดินกรดจัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
P. 17
8
ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน เท่ากับ 4.15 และ 4.10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลําดับ ขณะที่การ
ใส่หินฟอสเฟตเพียงอย่างเดียวมีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินเท่ากับ 1.10 มิลลิกรัมต่อ
กิโลกรัม และจุลินทรีย์ Pseudomonas striata ทําให้ถั่วพุ่มมีน้ําหนักแห้งเมล็ดสูงสุด คือ 32.60
กรัมต่อต้น สอดคล้องกับ Stephen et al. (2015) ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพของจุลินทรีย์
ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต Gluconacetobacter sp. และ Burkholderia sp. ต่อการเพิ่ม
เจริญเติบโตของข้าวในโรงเรือนทดลอง โดยเก็บตัวอย่างดินจากแปลงเกษตรกรที่มีค่าความเป็นกรด
เป็นด่างเท่ากับ 5.0 มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 1.62 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม พบว่าการใส่หิน
ฟอสเฟตร่วมกับจุลินทรีย์ Burkholderia sp. มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดินสูงสุด คือ
5.96 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สูงกว่าการใส่จุลินทรีย์ Gluconacetobacter sp. และการใส่หินฟอสเฟต
เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน 5.73 และ 4.84 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ตามลําดับ ส่งผลให้การใส่จุลินทรีย์ Burkholderia sp. มีน้ําหนักเมล็ดต่อรวงเฉลี่ยสูงสุด คือ 1.12
กรัมต่อรวง ขณะที่ Panhwar et al. (2015) ได้ศึกษาประสิทธิภาพจุลินทรีย์ปุ๋ยชีวภาพละลาย
อนินทรีย์ฟอสเฟต ซึ่งประกอบด้วย Bacillus sp., Stenotrophomonas maltophilia,
Burkholderia thailandensis และ Burkholderia seminalis ในดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง
3.80 มีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 19.20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยการเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ย
ชีวภาพ การใช้หินบะซอลล์ และหินปูน พบว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพกับหินบะซอลล์ ให้ผลผลิตข้าว
ใกล้เคียงกัน คือ 862.4 และ 857.6 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลําดับ ขณะที่การใช้ปุ๋ยชีวภาพร่วมกับ
หินบะซอลล์ให้ผลผลิตข้าวสูงสุด คือ 1,091.2 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้การใช้จุลินทรีย์ปุ๋ยชีวภาพ
ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตยังสามารถลดความเป็นพิษของอะลูมินั่มในดิน โดยกรดอินทรีย์จากจุลินทรีย์
ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต ทําให้เกิดปฏิกิริยาคีเลชั่นกับอะลูมินั่มและสามารถผลิตสารเสริม
การเจริญเติบโตของพืช ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟต
ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมีการผลิตปุ๋ยชีวภาพจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตใช้ใน
การเกษตร เช่น ผลิตภัณฑ์ฟอสโฟแบคทีรีน (Phosphobacterin) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการวิจัย
และพัฒนาในประเทศรัสเซีย โดยใช้จุลินทรีย์ Bacillus megaterium var. phosphaticum โดย
ใช้ดินขาวคาโอลินเป็นวัสดุรองรับในการผลิตหัวเชื้อ ซึ่งมีการใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 89.6 ล้าน
ไร่ต่อปี ผลิตภัณฑ์ไอเออาร์ไมโครฟอส (IARI Microphos) เป็นผลงานวิจัยโดยสถาบันวิจัย
การเกษตรแห่งประเทศอินเดีย (Indian Agriculture Research Institute; IARI) โดยใช้จุลินทรีย์
Bacillus polymyxa, Pseudomonas straiata, Aspergillus awamori, Aspergillus niger
และ Penicillium digitatum ผสมกับวัสดุรองรับเพื่อผลิตเป็นหัวเชื้อ ผลิตภัณฑ์ไบโอฟอสก้า
(Biophoska) เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(วว.) โดยใช้ทั้งแบคทีเรียกลุ่ม Bacillus sp. และเชื้อรากลุ่ม Aspergillus sp. โดยใช้หินฟอสเฟต
เป็นวัสดุรองรับเชื้อและปั้นเป็นเม็ดเพื่อสะดวกต่อการใช้ประโยชน์ (อาภารัตน์, 2549)
สําหรับจุลินทรีย์ พด.9 และจุลินทรีย์ซุปเปอร์ พด.9 เป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาของกรม
พัฒนาที่ดิน โดยกองเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน ในปี 2548 ซึ่งได้มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์
จุลินทรีย์ พด.8 และ พด.9 โดยจุลินทรีย์ พด.8 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ละลายอนินทรีย์ฟอสเฟตในดินที่มี

