Page 66 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 66
61
ดินและน้ํา การจัดทําฐานขอมูลพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ตางๆ และการจัดทําฐานขอมูลภูมิ
สารสนเทศอื่นๆที่เกี่ยวของ
8.9. ระบบชลประทาน
น้ํา เปนปจจัยการผลิตหลักที่สําคัญอยางยิ่งตอการผลิตสินคาเกษตรกรรมของไทย ดังนั้น การพัฒนา
แหลงน้ําและระบบชลประทานจึงเปนสิ่งสําคัญที่จะชวยสนับสนุนศักยภาพการผลิตและเพิ่มรายไดใหแก
เกษตรกร สะทอน จากขอมูลสถิติที่พบวาครัวเรือนภาคการเกษตรในพื้นที่ชลประทานมีรายไดสูงกวา
ครัวเรือนที่อยูนอกเขตชลประทานถึงประมาณ 3 เทาตัว ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการพัฒนาระบบชลประทานมา
ตลอดตั้งแตแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติฉบับที่ 1 เปนตนมา ซึ่งสวนใหญเปนการกอสรางอางเก็บ
น้ําขนาดใหญและขนาดกลาง ตามความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศเพื่อเปนหลักประกันและลดความ
เสี่ยงจากการขาดแคลนน้ําเพื่อการเกษตรกรรม รวมทั้งตอบสนองความตองการใชน้ําของภาคอุตสาหกรรม
พลังงาน สาธารณูปโภค และการคมนาคม อยางไรก็ดี จากเปาหมายการพัฒนาประเทศสูการเปนประเทศ
อุตสาหกรรมใหม (Neo-Industrial Country: NIC) ทําใหการพัฒนาแหลงน้ําไมทันกับความตองการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม จากการผลิตในภาคเกษตรที่มุงเนนการผลิตเชิงพาณิชยเพื่อตอบสนองการ
สงออกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายพื้นที่เพาะปลูกจากราคาสินคาเกษตรที่จูงใจ ในขณะที่การใชน้ํา
ชลประทานเพื่อการเกษตรยังขาดประสิทธิภาพเนื่องจากเปนงานบริการแบบใหเปลาจากรัฐ นอกจากความ
ตองการใชน้ําในภาคอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นตามนโยบายการสงเสริมการลงทุนของรัฐและยุทธศาสตรของ
ประเทศอีกดวย
ประเทศไทยมีพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมด 130.3 ลานไร และอยูในเขตชลประทานทั้งสิ้น 28.7 ลาน
ไร (คิดเปนรอยละ 22.0 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด) สวนใหญกระจุกตัวอยูในภาคกลาง ซึ่งหากพิจารณาตาม
ความตองการใชน้ําของพืชเศรษฐกิจแตละชนิด พบวาขาวเปนพืชที่ตองการใชน้ํามากที่สุด คือฤดูกาลผลิตละ
1,101-1,172 ลูกบาศกมิลลิเมตรตอไร โดยเฉพาะในชวงที่ใชในการเตรียมแปลง ปกดํา และเพื่อหลอเลี้ยงลํา
ตน ทั้งนี้ นอกจากขาวจะมีความตองการใชน้ําในแตละปมากกวาพืชอื่นๆแลว ยังมีความออนไหวตอระดับ
ของปริมาณน้ําในชวงตางๆ อีกดวย (วิบูลย, 2526)
8.10. ระบบลุมน้ําและการระบายน้ํา
การวางระบบการพัฒนาที่ดินจะตองมีวิธีการพัฒนาและการจัดการที่ถูกตอง การจัดการและพัฒนาที่
ถูกตองนั้น ตอกระทําหรือปฏิบัติทุกบริเวณในพื้นที่ลุมน้ํา (Watershed area หรือ Catchment area) ไมใชทํา
การพัฒนาเปนจุดๆ หรือเปนเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งในพื้นที่ลุมน้ํา การพัฒนาและจัดการทรัพยากรที่ดิน
จะตองพิจารณาพื้นที่ทั้งลุมน้ําเปนหลักเรียกวา “การจัดการพื้นที่ลุมน้ําทั้งหมด” (Total catchment
management) โดยจัดการและบูรณะพื้นที่ที่เปนตอนบนของพื้นที่ลุมน้ํา (Head watershed หรือ Upstream
watershed) กอน แลวจึงไลลงมาตามลําดับ หลายประเทศไดทําและประสบความสําเร็จมาแลว เชน