Page 69 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 69

64

                  center) หรือการสรางทางระบายน้ําใตผิวดินเพื่อชวยระบายน้ําบางสวนออกจากที่นั้น และภายหลังที่สราง

                  ทางน้ําไหลเรียบรอยแลวจะตองมีการดูแลรักษาอยางดีดวย


                   8.15. การเลือกตําแหนงของทางน้ําไหล (Location of waterways)

                       สถานที่ซึ่งจะใชเปนทางน้ําไหลนั้น ควรจะเปนที่ต่ําหรือลุม สถานที่ที่ใชเปนทางน้ําไหลที่ดีที่สุด

                  ไดแก ทางระบายน้ําตามธรรมชาติที่มีอยูแลวในไรนา ซึ่งอาจมีพืชพรรณขึ้นปกคลุมอยูแลวก็ได การที่ใชทาง
                  ระบายน้ําตามธรรมชาติเปนทางน้ําไหลนี้จะทําใหมีการสรางรองน้ําขึ้นใหมนอยที่สุด และดินที่อยูตามทาง

                  ระบายน้ําตามธรรมชาตินี้สวนมากมักเปนดินที่อุดมสมบูรณและเปนดินลึก มีความลึกของดินอยางพอเพียง

                  ในทางระบายน้ําธรรมชาติ น้ําที่มาจากขั้นบันได คูเบนน้ํา และจากแถวที่ปลูกพืช สามารถจะนํามาสูทางน้ํา
                  ไหลนี้ไดงาย ถาหากในไรนาไมมีทางระบายน้ําตามธรรมชาติ (Natural  flow) ก็จําเปนเปนตองสรางทางน้ํา

                  ไหลขึ้นใหม ในกรณีที่มีทางระบายน้ําตามธรรมชาติอยูแลว ซึ่งสังเกตไดงายเมื่อเวลาฝนตก น้ําที่ไหลบาไป

                  บนผิวดินจะไหลไปตามทางธรรมชาตินี้ บางครั้งตองมีการสรางใหมีรูปรางและขนาดที่เหมาะสม เพื่อให

                  สามารถระบายน้ําที่เกิดขึ้นจากฝนไดอยางเพียงพอ และการไหลของน้ําในทางน้ําไหลตองไมเร็วเกินไปจนทํา
                  ใหเกิดการพังทลายในทางน้ําไหล นั่นคือทางน้ําไหล จะตองมีความกวางและลึกพอที่จะนําน้ําที่เกิดจากฝนที่

                  ตกหนักที่สุดออกไปจากบริเวณนั้นอยางปลอดภัย


                  8.16. การออกแบบทางระบายน้ํา (Design of waterways)

                       การออกแบบทางระบายน้ําไดแกการหาขนาดของทางน้ําไหลซึ่งจะนําน้ําที่เกิดจากฝนตกออกไป

                  จากบริเวณนั้น โดยไมทําใหเกิดความเสียหายขึ้นแกรองน้ําหรือพืชที่ขึ้นปกคลุมในรองน้ําและทวมลนขึ้นมา
                  พืชพรรณตางๆที่ใชปลูกคลุมทางน้ําไหลหรือรองน้ํานั้นมีความสามารถในการใหการปองกันแตกตางกัน

                  ทั้งนี้ขึ้นอยูกับชนิดของพืชและความหนาแนนของการเจริญเติบโตของพืชนั้นๆ เพราะฉะนั้นการพิจารณา

                  ความเร็วของการไหลของน้ําในทางน้ําไหลภายใตสภาพตางๆ มีความสําคัญมากและจะตองพิจารณาดวย

                  ความระมัดระวัง การสรางทางน้ําไหลนั้นจะตองสรางใหมีความสามารถที่จะนําน้ําอัตราสูงที่สุด (Peak flow
                  rate) ซึ่งจะเกิดจากพายุฝนที่เกิดขึ้นทุกรอบ 10 ป สําหรับบริเวณที่มีความลาดเทขนานกับรองน้ําของทางน้ํา

                  ไหล จะยอมใหมีน้ําไหลทวมทางน้ําไหลไดถามีความลาดเทไมเกินหนึ่งเปอรเซ็นต และตองไมมีการพังทลาย

                  เกิดขึ้นหรือเกิดความเสียหายมากแกพืชที่ปลูกไว  อยางไรก็ตาม การสรางทางน้ําไหลควรออกแบบใหมีขนาด
                  ของรองน้ํามากพอที่จะนําน้ําออกไปจากบริเวณนั้น และมีความเร็วของการไหลที่ไมกอใหเกิดความเสียหาย

                  ขึ้น



                  8.17. หลักการออกแบบทางน้ําไหล กอนการออกแบทางน้ําไหล จะตองทราบขอมูลดังตอไปนี้
                                 (1) พื้นที่ระบายน้ํา (Drainage area)

                                 (2) ความลาดเทของพื้นที่ (Land slope)
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74