Page 16 - การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม
P. 16
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
7
ในการท าเกษตรอินทรีย์และเน้นตลาดภายในท้องถิ่นและภายในประเทศ ซึ่งปรากฏในเอกสารที่ชื่อว่า
“Shared Vision-Shared Ideals” พี จี เอส ได้ถูกทดลองน าร่องใน 8 ประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ.2548
ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แอฟริกาตะวันออก นามิเบีย อินเดีย บราซิล อุรุกวัย และฝรั่งเศส
และตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา
ปัจจุบันมีประเทศที่น าระบบพี จี เอส ไปใช้รับรองเกษตรอินทรีย์กว่า 72 ประเทศ
โดยแบ่งเป็นประเทศที่ใช้ พี จี เอส ทั้งหมด/บางส่วนของประเทศ จ านวน 39 ประเทศ และอีก 33
ประเทศอยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบ พี จี เอส โดยทั้งโลกมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์เข้าร่วมกระบวนการ
พี จี เอส มากกว่า 46,000 ฟาร์มมีผู้ผลิตและผู้แปรรูปที่เกี่ยวข้องกับพีจีเอสจ านวน 109,317 ราย
แต่มีเพียง 46,945 รายเท่านั้นที่ได้การรับรองด้วยพีจีเอส(PGS-certified) และก าลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ
พี จี เอส ท าให้เกิดการขยายตัวการท าเกษตรอินทรีย์ในชนบทและมีช่องทางตลาดให้เกษตรกรขายตรง
มากขึ้น เช่น ตลาดนัดสีเขียวในพื้นที่ ระบบสมาชิกล่วงหน้า (Community Supported Agriculture,
CSA) และระบบเครือข่ายดิจิตอล เป็นต้น พี จี เอส จึงจัดเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชนบทท า
ให้ผู้บริโภคภายในประเทศเข้าถึงอาหารอินทรีย์ในราคาที่ซื้อหาได้รวมทั้งเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ
และสรรพสิ่งให้มีใช้ชั่วลูกหลาน พีจีเอสเป็นระบบที่แตกต่างจากระบบการรับรองโดยบุคคลที่สาม หรือ
หน่วยตรวจรับรองที่คุ้นเคยกันมานาน โดยกระตุ้นให้ผู้ผลิตเกิดการพัฒนาการผลิตเข้าสู่มาตรฐานเกษตร
อินทรีย์ ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเกิดเครือข่ายระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค มีผลท าให้เกิดการวาง
แผนการผลิตตามที่ตลาดต้องการ เมื่อเกษตรกรรายย่อยได้รับการรับรองผลสุดท้ายท าให้มีการท าเกษตร
อินทรีย์เพิ่มขึ้น เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งต่อรายได้ของเกษตรกร ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม สุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค และเกิดสังคมเข้มแข็งในที่สุด
พี จี เอส ในประเทศไทยเกิดขึ้นมาจากความต้องการของกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์วิถีพื้นบ้าน
ทั้งกลุ่มผู้ผลิตที่ท าการปลูกพืช ปศุสัตว์ และประมง ที่มีผลผลิตหลายชนิดในปริมาณไม่มาก ไม่สามารถ
เข้าสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติจากหน่วยตรวจรับรองบุคคลที่สาม เนื่องจากบุคคลากรและ
งบประมาณจากภาครัฐไม่เพียงพอต่อการตรวจรับรองผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ตามการขยายตัวของตลาด
สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ เกษตรกรจึงต้องพึ่งพาอาศัยหน่วยตรวจรับรองเอกชน แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง
และมีระบบเอกสารที่ซับซ้อน จึงไม่เกิดการขยายตัวของการท าเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย มูลนิธิ
เกษตรอินทรีย์ไทย Thai Organic Agriculture Foundation (มกอท. หรือ TOAF) เป็นองค์การนอก
ภาครัฐจึงจัดท าระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วมและพัฒนาระบบภายใต้รูปแบบที่มีความหลากหลายของ
การผลิต ตามสภาพเศรษฐกิจ ภูมิสังคม ระบบนิเวศ และการตลาด ซึ่งไม่มีสูตรส าเร็จ แต่ทุกกลุ่มผู้ผลิต
ต้องด าเนินการภายใต้หลักการพีจีเอสของ IFOAM และประยุกต์ใช้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติไทย
มกษ. 9000 เกษตรอินทรีย์เล่ม 1 และเล่ม 2 ในการอ้างอิง โดยการด าเนินการน าร่องในประเทศไทย
ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร ส านักมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานต่างๆที่สนใจ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากธนาคาร
พัฒนาแห่งเอเซีย (Asian Development Bank, ADB) โดยมีกลุ่มเปูาหมาย 5 กลุ่มจังหวัดดังนี้ 1) กลุ่ม
สหกรณ์เกษตรอินทรีย์ทัพไทย จังหวัดสุรินทร์ 2) กลุ่มพีจีเอสอินทรีย์สุขใจ จังหวัดนครปฐม 3) กลุ่ม
สหกรณ์เกษตรอินทรีย์เชียงใหม่ 4) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แม่มอก อ าเภอเถิน จังหวัดล าปาง
และ5) กลุ่มเกษตรอินทรีย์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยทุกกลุ่มต้องด าเนินการจัดระบบการรับรอง