Page 55 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี บ้านดอยช้าง หมู่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
P. 55
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
39
เปอร์เซ็นต์และชนิดของพืชที่ปลูกควรเป็นพืชที่มีระบบปลูกชิด เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง สลับกับแถบข้าวไร่
ข้าวโพด และข้าวฟ่าง การปลูกพืชเป็นแถบสลับมีอยู่ 4 ชนิดได้แก่
- Field Strip Cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีความกว้างของแถบ
สม่่าเสมอกัน โดยวางให้แถบของพืชขวางกับทิศทางของความลาดเทโดยไม่ค่านึงถึงระดับของพื้นที่ การ
ปลูกพืชแบบนี้นิยมปฏิบัติบนพื้นที่ที่มีความลาดเทไม่สม่่าเสมอ ในบางแห่งการปลูกพืชสลับวิธีนี้ร่วมกับ
wind strip cropping จะให้ผลดีในการควบคุมการพังทลายของดิน
- Contour Strip Cropping ได้แก่ การปลูกพืชเป็นแถบสลับบนแนวระดับและวาง
แถบของพืชตั้งฉากหรือขวางกับทิศทางของความลาดเทโดยปลูกพืชหมุนเวียนประเภทคุ้มกันดิน
- Wind Strip Cropping ได้แก่ การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีแถบสม่่าเสมอและขวาง
ทิศทางลม เหมาะที่จะปลูกในที่ราบและมีปัญหาการพังทลายของดินโดยลม
- Buffer Strip Cropping ได้แก่การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีความกว้างของแถบ
สลับไม่สม่่าเสมอกันมักปลูกหญ้าสลับพืชตระกูลถั่ว การปลูกพืชแบบนี้ป้องกันการพังทลายของดินมากกว่า
จุดประสงค์อื่น ๆ
(4) การปลูกพืชหมุนเวียน (crop rotation) เป็นการปลูกพืช 2 ชนิดหรือมากกว่า
หมุนเวียนกันลงบนพื้นที่เดียวกัน โดยจัดชนิดของพืชและเวลาปลูกให้เหมาะสม ควรปลูกพืชที่มีระบบราก
ลึกสลับกับพืชที่มีระบบรากตื้น และใช้พืชเศรษฐกิจหมุนเวียนกับ พืชตระกูลถั่วหรือพืชตระกูลหญ้า ระบบ
นี้ช่วยอนุรักษ์ดินและน้่า ท่าให้ใช้ที่ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดินมีความอุดมสมบูรณ์และความสามารถใน
การให้ผลผลิตพืชสูงระยะเวลานาน ช่วยหมุนเวียนการใช้ธาตุอาหารของพืช การปลูกพืชหมุนเวียน มีอัตรา
การเสี่ยงน้อยกว่าการปลูกพืชชนิดเดียว และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรโดยตรง และสามารถควบคุมการ
ระบาดของโรคแมลงและวัชพืช
(5) การปลูกพืชแซม (intercropping) เป็นการปลูกพืชตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป บนพื้นที่ใน
เวลาเดียวกัน โดยท่าการปลูกพืชที่สองแซมลงในระหว่างแถวของพืชแรกหรือพืชหลักควรปลูกพืชแซม ที่มี
อายุสั้นกว่าพืชหลัก พืชแซมควรเป็นพืชตระกูลถั่วระบบรากของพืชหลักและพืชแซมควรมีระดับที่แตกต่าง
กันและควรเลือกพืชที่สามารถท่ารายได้ดี รวมทั้งพืชแซมไม่ควรเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นต้นก่าเนิดของโรค
ระบบนี้ช่วยอนุรักษ์ดินและน้่าโดยการเพิ่มประชากรพืชที่ปกคลุมดินช่วยลดการระเหยน้่าจากผิวดิน ลด
การเสี่ยงต่อความเสียหายของพืชที่จะเกิดขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตต่อพื้นที่ให้สูงขึ้นรวมทั้งท่า
ให้โรคแมลงและวัชพืชน้อยลง
(6) การปลูกพืชเหลื่อมฤดู (relay cropping) เป็นการปลูกพืชต่อเนื่องคาบเกี่ยวกันโดย
การปลูกพืชที่สองระหว่างแถวของพืชแรก ในขณะที่พืชแรกให้ผลผลิตแต่ยังไม่แก่เต็มที่ พืชที่สองที่จะปลูก
ตามมาควรเป็นพืชตระกูลถั่วอายุสั้น ทนร่มเงา โดยพืชแรก และพืชที่สองควรเป็นพืชต่างตระกูลกันเพื่อ
ขจัดปัญหาโรคและแมลงสะสมและใช้ได้ทุกสภาพพื้นที่ ระบบนี้ช่วยอนุรักษ์ดินและน้่า เพิ่มรายได้ต่อพื้นที่
มากขึ้นและพืชแรกจะเป็นพืชพี่เลี้ยงให้กับพืชที่สอง เช่น ช่วยเป็นร่มเงาเป็นค้างหรือเป็นวัสดุคลุมดิน
รวมทั้งสามารถใช้พื้นที่ เวลา ความชื้น และปุ๋ยเคมีที่ตกค้างในดินให้เป็นประโยชน์กับพืชที่จะปลูกตามมา

