Page 51 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี บ้านดอยช้าง หมู่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
P. 51

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                       35



                   พืชประเภทไม้พุ่มบ่ารุงดิน 2 แถวคู่หรือปลูกหญ้าเป็นแถบกว้าง 1 - 2 เมตรขวางความลาดชันของพื้นที่ไป
                   ตามแนวระดับ โดยให้แต่ละแถบมีระยะห่างระหว่างแถบประมาณ  8 - 10 เมตร

                              3) พื้นที่ลูกคลื่นลอนลาด (5 - 12 เปอร์เซ็นต์) ใช้มาตรการวิธีกล โดยท่าคันดินเบนน้่า คันดิน
                   ฐานกว้าง คันชะลอความเร็วของน้่า ท่าทางล่าเลียงในไร่นา ทางระบายน้่ามีการยกร่องตามแนวระดับ เป็น
                   ต้น นอกจากปฏิบัติตามค่าแนะน่าทั่วไปแล้วควรจัดระบบการปลูกพืชให้ดี โดยยึดหลักการว่าควรมีพืชขึ้น
                   ปกคลุมตลอดทั้งปี

                              4) พื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน (12 - 20 เปอร์เซ็นต์) พื้นที่ที่มีความลาดชันมากขึ้นจ่าเป็นจะต้องมี
                   มาตรการอนุรักษ์ดินและน้่าที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
                                    - ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะสภาพดินดี ดินลึก และมีน้่าชลประทานตลอดปี ควรท่าเป็น
                   คันดินแบบขั้นบันไดส่าหรับการปลูกพืชล้มลุกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง

                                    -  ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะสภาพดินเลว ดินตื้น ก็ไม่ควรปลูกพืชไร่หรือพืชล้มลุก ควร
                   ปลูกไม้ยืนต้น และควรท่าคันคูรับน้่าขอบเขา เพื่อระบายน้่าด้วย ส่วนในกรณีที่เกษตรกรมีความต้องการที่
                   จะปลูกพืชแซมระหว่างต้นก่อนพืชจะโต ไม่ควรมีการไถพรวนในพื้นที่ที่มีความลาดเทสูงเช่นนี้
                                    - ถ้าจะใช้พื้นที่นั้นส่าหรับเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็ควรท่าคันดินหรือคันคูรับน้่าขอบเขา

                   ไว้เพื่อระบายน้่า โดยจ่าเป็นต้องหาทางและจุดที่จะระบายน้่าออกจากพื้นที่ให้ดี
                                    -  ถ้าจะมีการปลูกพืชไร่บนขั้นบันไดดิน ก็สามารถปฏิบัติตามค่าแนะน่าทั่ว ๆ ไป แต่
                   ถ้าจะปลูกไม้ยืนต้น ควรปลูกพืชคลุมดินและควรมีการใช้ปุ๋ยหมักในการปรับปรุงบ่ารุงดินร่วมด้วย

                              5) พื้นที่เนินเขา (20 - 35 เปอร์เซ็นต์) พื้นที่เนินเขาควรท่ามาตรการวิธีกลที่เข้มข้น คือการ
                   ท่าคันคูรับน้่าขอบเขา ซึ่งมีวิธีปฏิบัติเช่นเดียวกับในพื้นที่ลูกคลื่นลอนชัน (12 -20%) ส่วนมาตรการทางพืช
                   ใช้วิธีปฏิบัติตามค่าแนะน่าทั่วไป เช่น การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชปุ๋ยสด การปลูกพืชสลับเป็นแถบ
                   การปลูกพืชแซม การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชเหลื่อมฤดู การปลูกพืชระหว่างแถบไม้พุ่มบ่ารุงดิน คัน
                   ซากพืช แถบหญ้า เช่น หญ้าแฝก หญ้ารูซี่ เป็นต้น

                              6) พื้นที่ลาดชันเชิงซ้อนหรือที่ลาดชันสูง (35 เปอร์เซ็นต์) ส่าหรับในพื้นที่ที่ไม่มีศักยภาพทาง
                   การเกษตรปล่อยไว้ให้เป็นป่าตามธรรมชาติ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าแหล่งต้นน้่าล่าธาร ควรรักษาไว้ให้
                   เป็นสวนป่า สร้างสวนป่าหรือใช้ปลูกไม้ใช้สอยโตเร็ว ในกรณีที่จ่าเป็นต้องน่ามาใช้ประโยชน์ทางการ

                   การเกษตร จ่าเป็นต้องมีการศึกษาดินก่อนเพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมของดินส่าหรับการปลูกพืช โดยมี
                   การใช้ประโยชน์ที่ดินในเชิงอนุรักษ์หรือวนเกษตรและต้องใช้มาตรการวิธีพืชและวิธีกลผสมผสาน เช่น
                   การท่าขั้นบันไดดิน การปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้่า และปรับปรุงบ่ารุงดิน การจัดการดิน
                   เฉพาะหลุมไม้ผล หรือการท่าเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูงส่าหรับพืชเศรษฐกิจเมืองหนาว เป็นต้น

                            3.5.3 มาตรการอนุรักษ์ดินและน้่า
                              มาตรการอนุรักษ์ดินและน้่า มีความผันแปรตามความลาดชันตั้งแต่ลักษณะพื้นที่ราบ พื้นที่
                   ดอนและพื้นที่สูง ซึ่งมาตรการอนุรักษ์ดินและน้่าที่ใช้กันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ มาตรการ
                   วิธีกล (Mechanical  Measures)  และมาตรการวิธีพืช  (Vegetative  Measures)  (กรมพัฒนาที่ดิน,
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56