Page 47 - การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการขยายผลโครงการหลวงวาวี บ้านดอยช้าง หมู่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
P. 47
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
31
การชะล้างพังทลายของดินหรือการกัดกร่อนดิน (soil erosion) มักแบ่งการกร่อนดินออกเป็น
2 ประเภท คือ
(1) การกร่อนดินโดยธรรมชาติ (natural erosion) หมายถึง การกัดกร่อนซึ่งเกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาติโดยมีน้่าและลมเป็นตัวการ เช่น การชะละลาย แผ่นดินเลื่อน การกร่อนดินโดยลมตามชายทะเล
หรือในทะเลทราย การกร่อนแบบนี้ป้องกันไม่ได้ เกิดขึ้นตลอดเวลาค่อยเป็นค่อยไปเกิดขึ้นช้ามาก
(2) การกร่อนดินที่มีตัวเร่ง (accelerated or man-made erosion) หมายถึง การกร่อนดินที่
มนุษย์ หรือสัตว์เลี้ยงเข้ามาช่วยเร่งให้เร็วขึ้นกว่าการกร่อนดินโดยธรรมชาติ ซึ่งเกิดเป็นประจ่าอยู่แล้ว เช่น
การตัดไม้ท่าลายป่า หักล้างถางพง ท่าการเกษตรอย่างขาดหลักวิชา ท่าให้ดินปราศจากสิ่งปกคลุม ท่าให้
การกัดกร่อนดินโดยลมและฝนพัดพาดินไปได้มากขึ้น แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ท่าการเกษตร
(มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา, 2557)
ปัจจัยที่มีผลต่อการพังทลายของดิน คือ น้่าฝน ดิน ความลาดชัน และการใช้ประโยชน์ที่ดินมี
เพียงปัจจัยเดียวเท่านั้น คือ ความลาดชันที่เกษตรกรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อลดอัตราการสูญเสียดิน
ปริมาณน้่าฝน และชนิดดินเป็นปัจจัยซึ่งไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนการใช้ประโยชน์ที่ดิน
เช่น เปลี่ยนจากพื้นที่เพาะปลูกไปเป็นทุ่งหญ้าหรือป่าไม้ก็ไม่เป็นที่ปรารถนาของเกษตรกรเนื่องจากพื้นที่
การเกษตรมีน้อย เกษตรกรจ่าเป็นต้องใช้พื้นที่ทั้งหมดในการเพาะปลูกเพื่อความอยู่รอดของเขาเอง
เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้่าในภาคเหนือของประเทศไทยมีความลาดชันจัด และมีฝนตกในอัตราสูง การใช้พืชเป็น
มาตรการอนุรักษ์เพียงอย่างเดียว เช่น การปลูกพืชตามแนวระดับขอบเขา หรือปลูกพืชเป็นริ้วสลับ จึงไม่มี
ประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน การใช้พืชเป็นมาตรการอนุรักษ์จะได้ผล
เฉพาะพื้นที่ซึ่งมีความลาดชันต่่ากว่า 15 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์อื่น ๆ ในการ
เปลี่ยนแปลงความลาดชัน เพื่อลดความรุนแรงของปริมาณน้่าไหลบ่าหน้าดินและการพังทลายของดิน มี
โครงสร้างทางวิศวกรรมหลายอย่างที่สามารถน่ามาใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ เช่น สร้างก่าแพง
คูน้่า หรือ คันดิน ขวางไปตามแนวระดับขอบเขา อย่างไรก็ตามมาตรการที่ดีที่สุดก็ คือ การปรับที่ดินให้
ราบหรือค่อนข้างราบเป็นชุดติดต่อกันขวางไปตามความลาดชัน เนื่องจากที่ราบสามารถใช้ได้ ทั้งในการ
เพาะปลูก และขณะเดียวกันก็สามารถสกัดกั้นน้่าที่ไหลบ่ามา และระบายออกทิ้งไปได้ ถ้าได้รับการจัดการ
ที่ถูกต้อง การสร้างมาตรการอนุรักษ์โดยวิธีนี้ เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปโดยเรียกกันว่าเป็น ขั้นบันไดปลูกพืช การ
สร้างขั้นบันไดปลูกพืชไม่ใช่สิ่งใหม่ในประเทศแถบเอเชีย ตัวอย่างเช่น นาข้าวก็เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ปลูกข้าวกัน
ทั่วไปนับเป็นพันปีมาแล้ว เพียงแต่เป็นวิธีซึ่งไม่อาจใช้ส่าหรับทุก ๆ แห่งได้ ดังนั้น จึงมีการพัฒนามาตรการ
อนุรักษ์อื่น ๆ ซึ่งมีพื้นฐานเช่นเดียวกับการท่านาข้าว มาใช้ให้เหมาะสมกับชนิดพืช และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
(สมยศ, 2522)
ปัจจัยที่ท่าให้เกิดการชะล้างพังทลายของดิน มีทั้งปัจจัยจากกิจกรรมการใช้ที่ดินของมนุษย์ และ
ปัจจัยทางธรรมชาติได้แก่ สภาพอากาศ ปริมาณน้่าฝน ลักษณะภูมิประเทศ ความลาดชันของพื้นที่
ลักษณะพืชพรรณที่ขึ้นปกคลุมพื้นที่ คุณสมบัติของดินและการจัดการดิน ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีผลต่อ
การสูญเสียอนุภาคของดินจากพื้นที่เป็นอย่างมาก น้่าฝนและน้่าไหลบ่าหน้าดิน เป็นตัวการที่ส่าคัญที่ท่าให้
เกิดกระบวนการชะล้างพังทลายของดิน เมื่อมีฝนตกเม็ดฝนจะตกกระทบกับผิวหน้าดินโดยตรงท่าให้เม็ด

