Page 17 - แนวทางการประเมินกำลังผลิตของดินสำหรับปลูกมันสำปะหลังจังหวัดนครราชสีมา
P. 17
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
8
วิธีการจัดระบบการปลูกพืช โดยสามารถใช้แนวป้องกันบนพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังที่
มีการชะล้างพังทลาย ทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่ง คือ ใช้หญ้าแฝกปลูกเป็นแนวขวางความลาดชันตามแนวระดับ โดย
ปลูกหญ้าแฝกด้วยระยะห่างระหว่างหลุม 10 เซนติเมตร หลุมละ 1 ต้น จํานวนแถวแฝกจะขึ้นอยู่กับความลาดชัน
(5) การกําจัดวัชพืช
วัชพืชหรือ “รุ่น” เป็นปัจจัยสําคัญที่จะทําให้ผลผลิตมันสําปะหลังลดลงตลอดฤดูปลูก
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในการปลูกและดูแลรักษาเกิดจากการป้องกันกําจัดวัชพืช โดยเฉพาะในระยะ 1–4 เดือนแรก
ของการปลูก ต้องหมั่นตรวจแปลงปลูกทุก 15 วัน เพื่อแก้ปัญหาวัชพืช โดยใช้หลักป้องกันไว้ก่อน การปล่อยให้
วัชพืชแข็งแรงเจริญเติบโตจนกระทั่งออกดอกจะกําจัดทําลายยากและยืดเยื้อใช้ต้นทุนสูง ทําให้มันสําปะหลัง
แคระแกรนผลผลิตต่ํา
การกําจัดวัชพืชเป็นสิ่งจําเป็น หากปล่อยให้วัชพืชขึ้นแข่งขันกับมันสําปะหลัง
โดยไม่มีการกําจัดเลยจะทําให้ผลผลิตลดลงประมาณ 25–50 เปอร์เซ็นต์ การกําจัดวัชพืชควรทําอย่างน้อย
2 ครั้ง คือช่วงมันสําปะหลังอายุประมาณ 30 วัน และประมาณ 60 วัน และควรมีการกําจัดวัชพืชเพิ่มเติม
หากยังมีวัชพืชขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
3.2 การจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดิน (land suitability classification)
ประเทศไทยได้นําระบบการวินิจฉัยและประเมินค่าที่ดินมาจากหลายสถาบัน ได้แก่ ระบบของ
กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA system : United States Department of Agriculture System)
ระบบของสํานักงานฟื้นฟูที่ดินของสหรัฐอเมริกา (USBR system : United States Bureau of Land Reclaimation
System) และระบบขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO : Food and Agriculture Organization)
กรมพัฒนาที่ดินได้พัฒนาระบบการวินิจฉัยและประเมินค่าที่ดินทางด้านการเกษตรจากระบบของกระทรวง
เกษตรของสหรัฐอเมริกา และขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ มาใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2510 ใน
ขณะเดียวกัน เมื่อมีการทําแบบจําลองการปลูกพืชขึ้นในต่างประเทศ จึงได้มีผู้นํามาใช้ในประเทศไทย เช่น
แบบจําลอง CROPWAT WOFOST DSSAT และ PLANTGRO เป็นต้น ซึ่งแบบจําลองนี้จะต้องใช้ข้อมูล
พื้นฐาน (data base) มากน้อยต่างกัน การที่จะนําการวินิจฉัยและประเมินค่าที่ดินวิธีใดมาใช้ จึงต้องพิจารณา
ให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ โดยอาจใช้ระบบเดียวหรือบูรณาการหลายๆ ระบบเข้าด้วยกัน
การจัดชั้นความเหมาะสมสําหรับพืชเศรษฐกิจในประเทศไทยนั้น กรมพัฒนาที่ดินได้ยึด
หลักการในการประเมินคุณภาพที่ดินในระบบขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
(FAO : Food and Agriculture Organization) มาใช้ในการประเมินคุณภาพที่ดินโดยหลักการของ FAO
Framework เนื่องจากสามารถใช้ได้ในทุกระดับมาตราส่วนของการสํารวจ และประเมินคุณภาพที่ดินนั้นๆ
ว่าเหมาะสมมากน้อยเพียงใดต่อการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยการพัฒนาเป็นคู่มือการประเมินคุณภาพที่ดิน
(Qualitive Land Evaluation) และมีการใช้จัดระดับความเหมาะสมของที่ดินสําหรับมันสําปะหลัง เพื่อ
กําหนดเขตการใช้ที่ดินพืชเศรษฐกิจมันสําปะหลังที่มีการประเมินความเหมาะสมของที่ดินด้านกายภาพ
พร้อมทั้งประเมินต้นทุนและผลตอบแทนจากการผลิตตลอดจนสภาพปัญหาความต้องการของเกษตรกร
กําหนดเป็นเขตความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกมันสําปะหลังระดับต่างๆ โดยการจัดทําฐานข้อมูลแผนที่
เพื่อให้ผู้สนใจและผู้เกี่ยวข้องนําไปใช้ประโยชน์ได้ (ธีระยุทธ และคณะ, 2552)
สําหรับมันสําปะหลังมีการพัฒนาแบบจําลอง GUMCAS (ชื่อของแบบจําลองที่มาจากภาษาตากาล็อก
GUMaya และภาษาอังกฤษว่า CASsava หมายถึง มันสําปะหลัง) โดยโครงการ IBSNAT (The International
Benchmark Sites Network for Agrotechnology Transfer) ซึ่งบรรจุอยู่ในโปรแกรมระบบสนับสนุนการ