Page 156 - ปุ๋ยอินทรีย์และการใช้ประโยชน์ในประเทศไทย
P. 156
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
145
5.2 ปริมาณธาตุอาหารจากการใส่ปุ๋ยอินทรีย์แต่ละชนิด
ส่าหรับอินทรียวัตถุในดินมี 3 ส่วน คือ 1) อินทรียวัตถุเดิมที่มีในดินก่อนปลูกพืช 2) มาจากการ
สลายของซากพืชที่ปลูกในฤดูก่อน และ 3) ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่ในการปลูกพืช โดยปุ๋ยอินทรีย์ที่ใส่นอกจากเพิ่ม
ปริมาณอินทรียวัตถุในดินแล้ว ยังช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารด้วย โดยปริมาณธาตุอาหารของปุ๋ยอินทรีย์แต่
ละชนิดมีดังนี้
ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต โปรตีนในปุ๋ยอินทรีย์
(NH ) SO (สารประกอบโมเลกุล
4 2
4
ใหญ่)
ละลาย แตกตัว ย่อยสลายด้วยกิจกรรมของ
จุลินทรีย์ดิน
2-
+
แอมโมเนียมไอออน (NH ) และซัลเฟตไอออน (SO )
4
4
ไนเตรตไอออน (NO )
-
3
2-
-
+
พืชดูด NH NO และSO ไปสร้างโปรตีนและสารประกอบอื่นๆ
4
3
4
ภาพที่ 8.1 เปรียบเทียบรูปของธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์
ที่มา: ยงยุทธและคณะ (2551)
5.2.1 ปุ๋ยคอก เนื่องจากปุ๋ยคอกแต่ละแหล่ง มีความเข้มข้นของธาตุอาหารแต่ละธาตุแตกต่าง
กันมาก หากต้องการทราบข้อมูลที่แท้จริง ควรน่าไปวิเคราะห์ทางเคมี เพื่อทราบความเข้มข้นของธาตุหลัก
ธาตุรอง และจุลธาตุในปุ๋ยคอก ซึ่งท่าให้สามารถน่าปุ๋ยหมักไปใช้ในระบบเกษตรอินทรีย์ได้ถูกต้อง ข้อมูล
ทั่วไปด้านธาตุอาหารในปุ๋ยคอกอยู่ในบทที่ 4 ส่าหรับปุ๋ยคอกที่ใช้ในระบบเกษตรอินทรีย์ ถ้าเป็นมูลสัตว์ปีก
ต้องได้มาจากการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่มีการทรมานสัตว์ อาหารที่ใช้เลี้ยงต้องไม่เป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรม
และไม่มีการใช้สารเร่งการเจริญเติบโต ส่วนอุจจาระและปัสสาวะของคนที่หมักแล้วให้ใช้กับพืชที่มิได้เป็น
อาหารของมนุษย์ เช่น พืชพลังงาน ฝ้าย
เนื่องจากปุ๋ยคอกมีองค์ประกอบแตกต่างกันมาก ความเป็นประโยชน์ของไนโตรเจนในปุ๋ยจึง
แตกต่างกัน กล่าวคือ ไนโตรเจนในปุ๋ยคอกสดเป็นประโยชน์ 1 - 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปุ๋ยคอกที่สลายดีแล้ว
ไนโตรเจนที่จะปลดปล่อยออกมาเป็นประโยชน์ 10 - 20 เปอร์เซ็นต์ การใส่ปุ๋ยคอกในดินด้วยอัตราที่
เหมาะสมต่อเนื่องกันหลายปีจะช่วย 1) เพิ่มอินทรีย์คาร์บอนและไนโตรเจน 2) เพิ่มมินเนอราลไลเซชันของ
ไนโตรเจน 3) เพิ่มความพรุนและลดความหนาแน่นรวมของดิน และ 4) เพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์ดิน
เกษตรกรที่ปลูกพืชด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ในสหรัฐอเมริกาส่วนมาก ใช้ปุ๋ยคอก 0.48 – 1.76 ตันต่อไร่