Page 27 - บทบาทของหญ้าแฝกในการบำบัดสารปนเปื้อนในน้ำและสิ่งแวดล้อม
P. 27
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
22
ของน้ าเสียต่างกันมีความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ โดยเมื่อใช้ระยะเวลากักเก็บ 7 วัน มี
ประสิทธิภาพการบ าบัดสูงสุด โดยชุดทดลองที่ได้รับน้ าเสียความเข้มข้นสูงมีประสิทธิภาพการบ าบัด
บีโอดี ทีเคเอ็น ฟอสฟอรัสทั้งหมด และฟอสเฟตทั้งหมดสูงสุด มีค่าอยู่ในช่วง 90.54-91.46 61.01-
62.48 17.78-35.87 และ 15.40-23.46 เปอร์เซ็นต์ ตามล าดับ และชุดทดลองที่ได้รับน้ าเสียความ
เข้มข้นต่ า มีประสิทธิภาพการบ าบัดแอมโมเนียไนโตรเจนสูงสุด มีค่าอยู่ในช่วง 50.22-58.62
เปอร์เซ็นต์ แต่ประสิทธิภาพการบ าบัดของหญ้าแฝกต่างกลุ่มพันธุ์ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญ
ทางสถิติ อย่างไรก็ตามพบว่าชุดทดลองที่ปลูกหญ้าแฝกมีประสิทธิภาพการบ าบัดสูงกว่าชุดควบคุม
(ไม่ปลูกพืช) ส าหรับการเจริญเติบโตของหญ้าแฝกพบว่า หญ้าแฝกทั้ง 2 กลุ่มพันธุ์มีการเจริญเติบโตดี
และมีแนวโน้มว่าหญ้าแฝกพันธุ์สุราษฏร์ธานีมีการเจริญเติบโตของรากดีกว่าพันธุ์สงขลา 3 และ
พบหญ้าแฝกพันธุ์สงขลา 3 มีมวลชีวภาพเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อได้รับน้ าเสียความเข้มข้นสูง ขณะที่กลุ่ม
พันธุ์สุราษฏร์ธานี มีมวลชีวภาพเพิ่มสูงสุด เมื่อได้รับน้ าเสียความเข้มข้นต่ า ส าหรับการสะสมธาตุอาหาร
ในต้น และรากของหญ้าแฝก พบว่าโดยทั่วไปการสะสมธาตุอาหารมีค่าแปรผันตามระดับความเข้มข้น
ของน้ าเสีย และเมื่อใช้ระยะเวลากักเก็บ 7 วัน หญ้าแฝกมีการสะสมธาตุอาหารในรากได้สูงสุด ดังนั้น
ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่าการปลูกหญ้าแฝกด้วยเทคนิคแท่นลอยน้ าเพื่อบ าบัดน้ าเสียชุมชน
ควรใช้ระยะเวลากักเก็บ 7 วัน และใช้หญ้าแฝกกลุ่มพันธุ์สุราษฏร์ธานี แต่หากน้ าเสียมีบีโอดี และธาตุ
อาหารสูงสามารถใช้ หญ้าแฝกกลุ่มพันธุ์สงขลา 3 ได้
ทัศนี และคณะ (2557) ศึกษาการบ าบัดน้ าเสียในชุมชนเทศบาลเมืองมหาสารคามโดยใช้ระบบ
พืชปลูกบนแพลอยน้ า ได้แก่ หญ้าแฝกพันธุ์ประจวบคีรีขันธ์ หญ้าแฝกพันธุ์สุราษฎร์ธานี และ
ผักตบชวา โดยวางแผนแบบ Randomized Completely Block Design (RCBD) ทั้งหมด 9 บล็อก
ท าการทดลองในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม 2556 รวมระยะเวลา 6 เดือน โดยเก็บตัวอย่าง
ทุกวันที่ 1 ของเดือน พบว่าภายหลังการบ าบัดน้ าเสียมีค่าความเป็นกรดด่างอยู่ในช่วง7.4 ±0.1 ถึง
8.5±0.1 บล็อกที่เป็นผักตบชวาทั้งหมด มีประสิทธิภาพในการบ าบัดน้ าเสียสูงสุดโดยมีค่า บีโอดี ทีเคเอ็น
และฟอสฟอรัสทั้งหมดเฉลี่ยร้อยละ 69.0±1 67.63±1.53 69.75±1 ตามล าดับ และในบล็อกที่เป็น
หญ้าแฝกพันธุ์สุราษฎร์ธานีทั้งหมดมีประสิทธิภาพในการบ าบัดบีโอดี ทีเคเอ็น และฟอสฟอรัสทั้งหมด
รองลงมาเฉลี่ยที่ร้อยละ 65.33±1 61.36±1 และ 65.23±1 จากรูปแบบการบ าบัดแบบจัดเรียงพืช
3 ชนิด สลับกัน พบว่ารูปแบบที่มีการบ าบัดได้ดีที่สุด ประกอบด้วยหญ้าแฝกพันธุ์ประจวบคีรีขันธ์
หญ้าแฝกพันธุ์สุราษฎร์ธานี และผักตบชวา เนื่องจากหญ้าแฝกอาศัยรากที่ยาวท าหน้าที่ในการเป็น
ตัวกลางในการยึดเกาะของจุลินทรีย์ และสามารถดูดสารอินทรีย์มาเป็นอาหาร และมีจุลินทรีย์
ที่สามารถย่อยสลายสารอินทรีย์ได้ ท าให้การย่อยสลายสารอินทรีย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่ผักตบชวามีประสิทธิภาพสามารถดูดซับฟอสฟอรัสทั้งหมด และทีเคเอ็นได้ดี