Page 26 - บทบาทของหญ้าแฝกในการบำบัดสารปนเปื้อนในน้ำและสิ่งแวดล้อม
P. 26
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
21
หญ้าแฝกสามารถลดค่าบีโอดีได้ 80-85 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าซีโอดีได้ 85-90 เปอร์เซ็นต์ และสามารถลด
จ านวนแบคทีเรีย E.coli ได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวชี้วัดคุณภาพน้ าที่ถูกบ าบัดทั้งหมดอยู่ภายใต้
มาตรฐานของ IS2292, 1992
ดารินทร์ (2551) ศึกษาการปลูกหญ้าแฝกในน้ าทิ้งจากโรงนมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อ
ลดปัญหาจากน้ าเสีย โดยใช้หญ้าแฝก 3 พันธุ์ คือ พันธุ์ศรีลังกา พันธุ์สงขลา 3 และพันธุ์สุราษฎร์ธานี
ปลูกในลักษณะแพลอยน้ า และเก็บตัวอย่างวิเคราะห์ค่าคุณภาพน้ า ได้แก่ ไนโตรเจนทั้งหมด ฟอสเฟต
ทั้งหมด ค่าการน าไฟฟ้า ของแข็งละลายน้ า ไนไตรต์ ไนเตรต บีโอดีดีโอ และของแข็งแขวนลอย
ทั้งหมด พบว่าหญ้าแฝกทั้ง 3 พันธุ์มีประสิทธิภาพในการบ าบัดน้ าทิ้งสูงสุดในสัปดาห์ที่ 14 ของ
การปลูก เมื่อพิจารณาค่าไนโตรเจนทั้งหมด ฟอสฟอรัสทั้งหมด บีโอดีและดีโอซึ่งเป็นปัจจัยส าคัญ
ในการประเมินคุณภาพน้ าทิ้งจากโรงนม พบว่าหญ้าแฝกพันธุ์ศรีลังกามีประสิทธิภาพสูงสุดในการลด
ค่าบีโอดีได้ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่หญ้าแฝกพันธุ์สุราษฎร์ธานีมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเพิ่มค่า
ดีโอถึง 91 เปอร์เซ็นต์ ลดค่าไนโตรเจนทั้งหมด 93 เปอร์เซ็นต์ และฟอสฟอรัสทั้งหมด 90 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นจึงควรเลือกใช้หญ้าแฝกแหล่งพันธุ์ศรีลังกาและแหล่งพันธุ์สุราษฎร์ธานีในการบ าบัดน้ าทิ้ง
ร่วมกัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการบ าบัดน้ าเสียได้ดีที่สุด
กนกพร (2549) ศึกษาประสิทธิภาพของหญ้าแฝกที่ปลูกด้วยเทคนิคแท่นลอยน้ าในการบ าบัด
น้ าเสียชุมชน โดยแบ่งการทดลองเป็น 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 เพื่อคัดเลือกพันธุ์หญ้าแฝก 6 พันธุ์ คือ
ก าแพงเพชร 2 ศรีลังกา สงขลา 3 สุราษฏร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ และราชบุรี ในถังน้ าที่บรรจุน้ าเสีย
ชุมชนความเข้มข้นต่ า (ค่าเฉลี่ยบีโอดี ทีเคเอ็น และฟอสฟอรัสทั้งหมด 55.88 40.297 และ 6.022
มิลลิกรัมต่อลิตร ตามล าดับ) นาน 8 สัปดาห์ ท าการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมส าหรับใช้ในระบบ
จ าลองในระยะที่ 2 จากการทดลองระยะที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า หญ้าแฝกพันธุ์สงขลา 3 และ
สุราษฏร์ธานี มีประสิทธิภาพการบ าบัดบีโอดี ฟอสฟอรัสทั้งหมด และฟอสเฟตทั้งหมดสูงเป็น
2 ล าดับแรก มีค่าอยู่ในช่วง 80.07-81.06 16.38-16.81 และ 10.39-12.87 เปอร์เซ็นต์ ตามล าดับ
รวมทั้งมีการเจริญเติบโตและการสะสมธาตุอาหาร (ไนโตรเจนทั้งหมด และฟอสฟอรัสทั้งหมด) สูง
และน าแฝกทั้ง 2 กลุ่มพันธุ์มาศึกษาในระยะที่ 2 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบ าบัดน้ าเสียชุมชน
ของหญ้าแฝกในระบบบ าบัดจ าลอง โดยปลูกหญ้าแฝกกลุ่มพันธุ์สงขลา 3 และสุราษฏร์ธานีในบ่อพีวีซี
ขนาด 0.85x1.55x0.50 เมตร โดยชุดควบคุมไม่ปลูกพืช ใช้น้ าเสียชุมชนความเข้มข้นต่ า (ค่าเฉลี่ย
บีโอดี ทีเคเอ็น และฟอสฟอรัสทั้งหมด 44.28-58.92 34.731-42.144 และ 4.838-5.482 มิลลิกรัม
ต่อลิตร ตามล าดับ) และความเข้มข้นสูง (ค่าเฉลี่ยบีโอดี ทีเคเอ็น และฟอสฟอรัสทั้งหมด 90.12-94.88
41.025-52.806 และ 5.892-6.657 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามล าดับ) แบ่งการทดลองเป็น 3 ช่วง
ช่วงละ 8 สัปดาห์ แต่ละช่วงใช้ระยะเวลากักเก็บ 75 และ 3 วัน ตามล าดับ และใช้การปล่อยน้ าเสีย
แบบต่อเนื่อง ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพบ าบัดน้ าเสียเมื่อใช้ระยะเวลากักเก็บและความเข้มข้น