Page 33 - ผลสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการพัฒนาที่ดินชุมชนบนพื้นที่สูง บ้านมณีแก้ว หมู่ที่ 8 ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
P. 33

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
                                                                                                        23







                                                  (3) Wind Strip Cropping ได้แก่ การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มีแถบ
                       สม่ าเสมอกันและขวางทิศทางลม เหมาะที่จะปลูกในที่ราบหรือเกือบราบและมีปัญหาการพังทลายของ
                       ดินโดยลม
                                                    (4)  Buffer  Strip  Cropping  ได้แก่ การปลูกพืชเป็นแถบสลับที่มี

                       ความกว้างของแถบสลับ ไม่สม่ าเสมอกัน มักปลูกหญ้าสลับพืชตระกูลถั่ว การปลูกพืชแบบนี้ป้องกัน
                       การพังทลายของดินมากกว่าจุดประสงค์อื่นๆ
                                            2.2.3)  การปลูกพืชเป็นแนวป้องกันลม (Windbreak) เป็นการปลูกพืชที่มี
                       กิ่งใบแน่น เป็นการปลูกพืชขวางทิศทางลม เพื่อลดความเร็วและการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับดิน ไม่โค่นล้ม

                       ง่ายขวางทางลมไว้เพื่อลดความแรงของลม และลดการระเหยของน้ าที่ผิวหน้าดิน ส าหรับชนิดของพืช
                       ขนาด ความสูง และจ านวนที่ปลูก ขึ้นอยู่กับความเร็วของลม และลักษณะการเคลื่อนที่ของลม การ
                       ปลูกพืชก าบังลมสามารถท าได้หลายแนวและหลายทิศทาง ควรระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิด
                       กับพืชหลัก

                                            2.2.4)  การปลูกพืชคลุมดิน (Cover  Crop)  เป็นการปลูกพืชที่มีรากมาก
                       รากลึก ใบแผ่แน่น และโตเร็ว เช่น หญ้าแฝก ยึดหน้าดินไว้เพื่อป้องกันการชะล้างและช่วยรักษา
                       ความชื้น นอกจากนี้ ซากพืชยังท าให้ดินร่วนซุยและอุ้มน้ าได้ดีขึ้นอีกด้วย

                                            2.2.5) การใช้วัสดุคลุมดิน (Mulching) หมายถึง การคลุมดินด้วยวัตถุต่างๆ
                       เช่น พลาสติก กระดาษ เศษเหลือของพืช เป็นต้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ดินและน้ า การคลุมดินส่วน
                       ใหญ่นิยมกระท าเพื่อรักษาความชื้นในดิน โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง การคลุมดินยังมีประโยชน์ ในแง่
                       ของการลดปริมาณวัชพืชด้วย นอกจากนี้วัสดุคลุมดิน ยังช่วยให้อุณหภูมิของดินไม่แตกต่างกันมาก
                       เพื่อป้องกันการพังทลายที่เกิดจากเม็ดฝนที่ตกลงมา หรือที่เกิดจากน้ า ไหลบ่าบนผิวดิน หรือที่เกิดจาก

                       ลม   อัตราการใช้วัตถุคลุมดินที่นิยมโดยทั่วไป คือ 600-800 กิโลกรัมต่อไร่ ส าหรับเศษเหลือของพืช
                       และ 1.6-2.0 ตันต่อไร่ส าหรับปุ๋ยคอก
                                                   2.2.6) หญ้าแฝก (Vetiver  Grass) เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวตระกูลเดียวกับ

                       ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย พบกระจายทั่วไปตามธรรมชาติ หญ้าแฝกเป็นพืชที่เจริญเป็นกอ ขนาด
                       เส้นผ่าศูนย์กลาง 50-90 เซนติเมตร มีระบบรากเจริญลงดินในแนวดิ่งมากกว่าด้านข้าง รากหยั่งลึกลง
                       ดิน 1.5-3.0 เมตร บริเวณรากมีจุลินทรีย์หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และเมล็ดขยายพันธุ์ได้น้อย
                       มากจึงไม่เป็นวัชพืชนอกจากนี้หญ้าแฝกยังช่วยในการปรับปรุงดินรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การ

                       ปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่โครงการรักษ์น้ าเพื่อพระแม่ของแผ่นดินลุ่มน้ าขุนน่านซึ่งเป็นพื้นที่สูง มีรูปแบบ
                       การปลูกดังนี้ ปลูกหญ้าแฝกเป็นแถวเดี่ยวขวางความลาดชันของพื้นที่เป็นช่วงๆ ภายในแถวหญ้าแฝก
                       ต้องปลูกชิดติดกันเป็นก าแพง แถวของหญ้าแฝกนี้ช่วยชะลอความเร็วของน้ าไหลบ่าหน้าดินเก็บ
                       ตะกอนดินไม่ให้ไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่างและยังช่วยท าให้น้ าซึมซับลงในดินมากขึ้น ความยาวของแถว

                       หญ้าแฝกขึ้นอยู่กับสภาพความยาวของพื้นที่
                                            นอกจากมาตรการดังกล่าวข้างต้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงถาวรให้กับคันดินที่ขุด
                       ในหลายพื้นที่ที่มีการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ าได้น ามาใช้ คือ การใช้มาตรการวิธีกลร่วมกับวิธีพืช
                       และเห็นว่าควรเพิ่มมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ ามาตรการที่ 3 คือ
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38