Page 123 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 123
118
(3) สามารถใชพื้นที่ดินอยางมีประสิทธิภาพ โดยไมปลอยใหที่ดินวางเปลาขณะที่ฤดูฝนยังไมหมด
หรือดินยังมีความชื้นอยู ใหเปนประโยชนกับพืชที่สอง
(4) สามารถใชปุยที่ใสใหกับพืชที่ปลูกครั้งแรก แตตกคางอยูในดินใหเปนประโยชนกับพืชที่ปลูก
ตามมา
(5) การปลูกพืชเหลื่อมฤดูนี้ สวนตางๆ ของพืชแรกจะปกคลุมดิน ชวยรักษาความชื้นไวในดิน ซึ่งจะ
เปนประโยชนกับพืชที่ปลูกตามมา
(6) การปลูกพืชเหลื่อมฤดูนี้ ถามีการปลูกพืชตามแนวระดับ ก็สามารถนําไปปฏิบัติไดในพื้นที่ที่มี
ความลาดเทถึง 10 เปอรเซ็นต
ปจจัยที่เกี่ยวของตอการปลูกพืชเหลื่อมฤดู มีขอพิจารณากอนการปลูกพืชเหลื่อมฤดู ดังนี้
(1) ความหนาแนนของพืชแรก ซึ่งหมายถึงประชากรตอพื้นที่ของพืชแรกมีมากนอยแคไหน ทั้งนี้
ขึ้นอยูกับการจัดระยะปลูกระหวางตน และระหวางแถวของพืชแรก ถาคิดวาจะมีการปลูกพืชเหลื่อมฤดู ควร
จะมีการวางแผนกอนการปลูกพืช
(2) ความเขมขนของแสงสวางที่สองผานในชวงระยะเวลาที่ปลูกพืชคาบเกี่ยวกัน แสงสวางควรจะ
พอดีกับพืชที่สอง เพื่อจะไดงอกและเจริญเติบโตเปนตนกลาไดตามปกติ
(3) ระยะเวลาที่พืชที่สองจะปลูกคาบเกี่ยวกับพืชแรก ซึ่งขึ้นอยูกับความชื้นของดิน ความเขมของ
แสงความทนตอรมเงาของพืชที่สอง และอายุการเก็บเกี่ยวของพืชแรกและพืชที่สอง ระยะเวลาที่ปลูกพืชคาบ
เกี่ยวตอเนื่องนี้จะมีผลตอผลผลิตของพืชแรกและพืชที่สอง
(4) ปญหาโรคและแมลงศัตรูพืช กลาวคือ พืชแรกตองไมเปนที่พักอาศัยของโรคและแมลง ที่จะ
ทําลายพืชที่สอง ดังนั้น ในการปลูกพืชเหลื่อมฤดู พืชแรกและพืชที่สองควรเปนพืชตางตระกูลกัน
(5) ปริมาณน้ําฝนและการแพรกระจายของฝน ปกติแลวประเทศไทยจะเริ่มมีฝนตกประมาณเดือน
พฤษภาคม และปริมาณฝนก็จะตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งประมาณเดือนกันยายน ปริมาณฝนก็จะลดลง แต
มิไดเปนเชนนี้ทุกปเสมอไป การตกของฝนจะแตกตางกันไปในแตละปและแตละทองที่ ทั้งปริมาณฝนและ
การกระจายของฝน ดังนั้น จําเปนตองใชขอมูลสถิติปริมาณฝนตกและการกระจายของฝนหลายๆ ป มา
พิจารณากอนวางแผนปลูกพืชเหลื่อมฤดู เพื่อปองกันการขาดแคลนน้ําและความชื้นสําหรับปลูกพืชที่สอง
(6) ชนิดของดิน ถาพื้นที่เปนดินทรายหรือดินรวน การปลูกพืชเหลื่อมฤดู ซึ่งตองปฏิบัติขณะดินมี
ความชื้นมาก ก็จะปฏิบัติไดงายกวาดินเหนียว
11.2.6. การปลูกพืชคลุมดินเพื่อปองกันการชะลางพังทลายของดิน หมายถึง การปลูกพืชหรือหวาน
พืชคลุมดินใหมีการเจริญเติบโตอยางหนาแนน เพื่อปกคลุมผิวดินหรือคุมกันดิน ปองกันการชะลางพังทลาย
ของดิน และทําใหดินมีความอุดมสมบูรณเพิ่มขึ้น เกษตรกรสวนมากมักจะเขาใจวาพืชคลุมดินเปนพืชลมลุก
ซึ่งไดแก พืชตระกูลถั่ว และตระกูลหญาที่เปนเถาเลื้อย เมื่อปลูกแลวใชบริโภคหรือจําหนายไมได จึงใหความ
สนใจพืชคลุมดินดอยกวาพืชเศรษฐกิจ ที่จริงแลวพืชคลุมดินมากมายหลายชนิดใชบริโภค ใชเลี้ยงสัตว บาง