Page 45 - ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน : กรณีศึกษาการปลูกข้าวโพดหวาน บ้านท่าพยอม ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี
P. 45

33


                                        (2) การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 สูตรปุ๋ยที่แนะน าคือ 46-0-0 อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่
                  ใส่เมื่อข้าวโพดมีอายุ 20-25 วันหลังปลูก ด้วยวิธีโรยข้างต้นในขณะดินมีความชื้นหรือให้น้ าตามหรือพูนโคน

                  กลบปุ๋ยเป็นการก าจัดวัชพืชไปในตัว
                                        (3) การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อข้าวโพดมีอายุ 40-45 วันหลังปลูก ถ้าข้าวโพดแสดง
                  อาการใบเหลืองหรือต้นไม่สมบูรณ์ให้ใส่ปุ๋ย  46-0-0  อัตรา  25  กิโลกรัมต่อไร่  โรยข้างต้น ในขณะดิน
                  มีความชื้นหรือให้น้ าตาม

                                        2.4)  การก าจัดวัชพืช การฉีดสารคุมวัชพืชประเภทก่อนงอก  โดยใช้สาร
                  อะลาคลอร์ อัตรา 125-150 ซีซี ผสมน้ า 20 ลิตร (1 ไร่ ใช้น้ าประมาณ 80 ลิตร) ฉีดพ่นหลังจากการปลูก
                  ก่อนที่วัชพืชจะงอก ขณะฉีดพ่น ดินควรมีความชื้นเพื่อท าให้สารเคมีออกฤทธิ์ดีขึ้น เมื่อข้าวโพดอายุ 25-30
                  วัน หากมีวัชพืชขึ้นหนาแน่น ควรก าจัดออกโดยการใช้จอบถาก

                                        2.5) การให้น้ า ระยะที่ข้าวโพดหวานขาดน้ าไม่ได้ คือ
                                        (1)  ระยะ  7  วันแรกหลังปลูก  เป็นระยะที่ข้าวโพดก าลังงอก  ถ้าข้าวโพดหวาน
                  ขาดน้ า ช่วงนี้จะท าให้การงอกไม่ดี จ านวนต้นต่อพื้นที่ก็จะน้อยลง จะท าให้ผลผลิตลดลงไปด้วย
                                        (2) ระยะออกดอก เพราะจะมีผลท าให้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ การติดเมล็ดจะ

                  ไม่ดี ติดเมล็ดเป็นบางส่วนและไม่เต็มถึงปลายฝักขายได้ราคาต่ า  โดยปกติถ้าเป็นพื้นที่ที่สามารถให้น้ าได้
                  ควรให้น้ าทุก 3-5 วัน ขึ้นกับสภาพต้นข้าวโพดและสภาพอากาศ แต่ช่วงที่ควรให้น้ าถี่ขึ้น คือ ช่วงที่ข้าวโพด
                  ก าลังงอกและช่วงออกดอก

                                        2.6)  การเก็บเกี่ยว ควรเลือกเก็บเกี่ยวในระยะที่มีน้ าตาลสูงที่สุดและคุณภาพดี
                  ที่สุด  หรือระยะที่เรียกว่าระยะน้ านม  หากเลยระยะนี้ไปแล้วปริมาณน้ าตาลจะลดลงและมีแป้งเพิ่มขึ้น
                  การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานมีหลักการพิจารณาง่ายๆ คือ
                                        (1) นับอายุ ระยะ 16-20 วัน หลังข้าวโพดออกไหม 50% (ข้าวโพด 100 ต้น
                  ออกไหม 50 ต้น) แต่ถ้าปลูกในช่วงอากาศหนาวเย็น อายุการเก็บเกี่ยวอาจจะยืดออกไปอีก 7-10 วัน หรือ

                                        (2) นับอายุหลังจากวันหยอดเมล็ด เช่น พันธุ์เบา อายุ 55-65 วัน พันธุ์ปานกลาง
                  อายุ 70-85 วัน พันธุ์หนักอายุตั้งแต่ 90 วันขึ้นไป
                                        (3)  เก็บสุ่มตัวอย่างในแปลงมาตรวจดู  วิธีนี้แน่นอนและนิยมท ากันมากที่สุด

                  การเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน ควรเก็บเกี่ยวในเวลาเช้าตรู่ และรีบส่งตลาดทันที ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 24 ชั่วโมง
                  เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ าและความหวาน เพราะจะมีผลต่อคุณภาพของเมล็ดและน้ าหนักของฝักและจะท า
                  ให้น้ าตาลลดลง

                         3.2.5 ข้าวโพดหวานพันธุ์อินทรี 2 พัฒนามาจากการผสมกันระหว่างสายพันธุ์แท้ SSWI 114 กับ
                  สายพันธุ์แท้ KSei 14004 หรือ [(sh2 Syn 29 x KS 1) x Suwan 3(S)C4]-F4-S8-24-2-4-2-2 ศูนย์วิจัย
                  ข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติได้เผยแพร่ให้เกษตรกรและโรงงานแปรรูปปลูกตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2542  โดยมี
                  ความต้องการเมล็ดพันธุ์ปีละประมาณ 25 ตัน สามารถน าไปปลูกได้ในพื้นที่ 25,000 ไร่
                            ลักษณะประจ าพันธุ์ ให้น้ าหนักฝักสดทั้งเปลือก 2,097 กิโลกรัมต่อไร่ น้ าหนักฝักสดปอกเปลือกที่ดี

                  1,422  กิโลกรัมต่อไร่  ให้เปอร์เซ็นต์เมล็ดที่ตัด 35  เปอร์เซ็นต์  มีความหวาน 15%  brix  มีความนุ่ม และ
                  รสชาติดี ฝักยาว  17  เซนติเมตร กว้าง 4.5  เซนติเมตร มี 14-16  แถว ต้านทานโรคทางใบ (โรคราสนิม
                  โรคใบไหม้แผลเล็ก  โรคใบไหม้แผลใหญ่ และโรคไวรัสใบด่างอ้อย) มีเปลือกหุ้มฝักปิดมิดชิด  เมล็ดไม่ยุบ

                  ตัวเร็ว คงความเต่งอยู่ได้ 2-3  วัน ฝักสีเหลือง ทรงกระบอก  แถวเมล็ดเรียงตัวสม่ าเสมอ มีความสูงของต้น
                  198 เซนติเมตร (ภาควิชาพืชไร่นา, 2541)
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50