Page 44 - ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน : กรณีศึกษาการปลูกข้าวโพดหวาน บ้านท่าพยอม ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี
P. 44

32


                                6)  ข้าวโพดแป้ง (Flour  corn)  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zea  mays  amylocea  เมล็ด
                  ประกอบด้วยแป้งชนิดอ่อนมาก เมล็ดค่อนข้างกามหัวไม่บุบหรือบุบเล็กน้อย นิยมปลูกในอเมริกาใต้

                  อเมริกากลาง และสหรัฐอเมริกา
                                7) ข้าวโพดป่า (Pod corn) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Zea mays tunica มีล าต้นและ
                  ฝักเล็กกว่าข้าวโพดธรรมดา ขนาดเมล็ดค่อนข้างเล็กเท่าๆ กับเมล็ดข้าวโพด มีขั้วเปลือกหุ้มทุกเมล็ดและยังมี
                  เปลือกหุ้มฝักอีกชั้นหนึ่งเหมือนข้าวโพดธรรมดาทั่วๆ ไป


                         3.2.4 ข้าวโพดหวาน (Sweet corn)
                         อยู่ในตระกูล  Gramineae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับหญ้าหรือข้าว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Zeamays
                  Line var.  rugasa หรือ Saccharata  ข้าวโพดหวานมีคุณประโยชน์มากมาย นอกจากจะใช้รับประทาน
                  เป็นผักสดแล้ว ยังสามารถน าไปแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องทั้งฝักหรือบรรจุ

                  กระป๋องเฉพาะเมล็ด ท าครีมข้าวโพดหวาน ข้าวโพดแช่แข็ง ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ สามารถส่งไป
                  จ าหน่ายยังตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และกลุ่มประเทศในแถบยุโรป
                                1) พันธุ์ข้าวโพดหวาน แบ่งเป็น 2 ประเภท

                                        1.1)  พันธุ์ผสมเปิด ให้ผลผลิตและคุณภาพไม่สูง มักจะไม่มีความสม่ าเสมอใน
                  พันธุ์ เช่น ออกดอกไม่พร้อมกัน ขนาดของฝักไม่สม่ าเสมอ แต่มีข้อดี คือ เมล็ดพันธุ์ราคาถูก สามารถเก็บ
                  เมล็ดไว้ท าพันธุ์เพื่อใช้ปลูกในครั้งต่อไป ได้แก่  พันธุ์ฮาวายเอี้ยนชูการ์  พันธุ์ซูเปอร์สวีท  เป็นต้น  (กลุ่มสื่อ
                  ส่งเสริมการเกษตร, 2553)

                                        1.2)  พันธุ์ลูกผสม  ให้ผลผลิตและคุณภาพสูง มีความสม่ าเสมอในพันธุ์ เช่น
                  ลักษณะของต้นข้าวโพดหวานในพันธุ์เดียวกันจะมีลักษณะเหมือนกันทุกต้น ออกดอกพร้อมกัน ฝักจะมี
                  ขนาด รูปทรง สีสัน และคุณภาพที่เท่าเทียมกันทุกฝัก มีพันธุ์มากมายให้เลือกใช้ แต่มีข้อเสีย คือ ไม่สามารถ
                  เก็บเมล็ดท าพันธุ์ได้ ต้องซื้อใหม่ทุกครั้งที่จะปลูก ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ของบริษัทเอกชน และมีบางพันธุ์เป็น

                  ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แก่ พันธุ์อินทรี 2 พันธุ์ชูการ์ 75 พันธุ์เอทีเอส 5 พันธุ์ไฮ-บริกซ์ 3, 9 และ
                  49 เป็นต้น
                                2) การปลูกข้าวโพดหวาน
                                        2.1) ฤดูปลูก ปลูกได้ตลอดทั้งปี ถ้ามีแหล่งน้ าเพียงพอ ช่วงปลูกที่ให้ผลผลิตสูง

                  และคุณภาพดี คือ ฤดูหนาว ปลูกระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม และต้นฤดูฝน ปลูกระหว่างเดือน
                  พฤษภาคมถึงกรกฎาคม
                                        2.2)  การเตรียมดิน การเตรียมดินที่ดีให้เหมาะกับการงอกของเมล็ดพันธุ์จะท า

                  ให้มีจ านวนต้นต่อไร่สูง ผลผลิตก็จะสูงตามไปด้วย ท าได้ดังนี้ ไถด้วยผานสาม 1 ครั้ง ลึก 20-30 เซนติเมตร
                  ตากดิน 7-10 วัน พรวนด้วยผานเจ็ด 1 ครั้ง เพื่อย่อยดินไม่เป็นก้อนใหญ่ คราดเก็บเศษซากของวัชพืชข้ามปี
                  ออกจากแปลงให้หมด แล้วยกร่องปลูกสูง 25-30 เซนติเมตร ถ้าปลูกเป็นแถวเดี่ยว ให้มีระยะระหว่างร่อง
                  75 เซนติเมตร ถ้าปลูกเป็นแถวคู่ ให้มีระยะระหว่างร่อง 120 เซนติเมตร ควรใส่ปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยคอกใน
                  อัตราประมาณ  1  ตันต่อไร่ก่อนการไถแปร  เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดิน  และเป็นการเพิ่มธาตุ

                  อาหารให้กับข้าวโพดหวาน เมื่อปลูกเสร็จแล้วควรให้น้ าทันที โดยปล่อยมาตามร่องทันทีหลังปลูก
                                        2.3)  การใส่ปุ๋ย พื้นที่ที่มีการปลูกพืชติดต่อกันเป็นเวลานาน  ท าให้ความอุดม
                  สมบูรณ์ของดินลดลง จึงควรใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหาร การใส่ปุ๋ยในข้าวโพดหวาน มีขั้นตอนดังนี้

                                        (1) การใส่ปุ๋ยรองพื้น สูตรปุ๋ยที่แนะน า คือ 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่
                  ใส่พร้อมปลูกหรือใส่ขณะเตรียมดิน พร้อมการใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อปรับปรุงบ ารุงดิน
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49