Page 65 - การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดินบริเวณพื้นที่ปลูกป่าของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
P. 65
48
ดินเนื้อละเอียดมีช่องขนาดเล็กท าให้อุ้มน้ าได้มากการระบายน้ าเลวแต่มีความสามารถ
ในการดูดซับธาตุอาหารได้มากมีความอุดมสมบูรณ์สูงดินเนื้อละเอียดสามารถรับการใส่ปุ๋ยได้ครั้ง
ละมากๆการจัดการดินต้องค านึงถึงการให้น้ าเพราะจะกระทบต่อการถ่ายเทอากาศของดิน
สีดิน (Soil color)
สีของดินเป็นสมบัติทางกายภาพที่มองเห็นได้ง่ายตามปกติอนุภาคแร่ในดินมักไม่มีสีหรือมี
สีจาง (ยกเว้นแร่สีเข้มบางชนิด) ดังนั้นสีดินจึงมักผันแปรไปตามสภาพและองค์ประกอบอื่นๆของ
ดินเช่นปริมาณของอินทรียวัตถุและออกไซด์ของเหล็กดังนี้
- ดินที่มีฮิวมัส (Humus) มากดินจะมีสีคล้ า (ด า) หรือน้ าตาลเข้ม
- ดินแร่ที่ใช้ในการเพาะปลูกจะมีเหล็กอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ าหนักมักไม่มี
ผลกระทบต่อสีของดินส่วนเหล็กที่เกิดจากการผุพังของแร่ดั้งเดิมมีผลกระทบต่อสีของดินอยู่ในรูป
ออกไซด์และไฮดรอกไซด์ เหล็กรูปเฟอร์รัสออกไซด์ (FeO) ดินจะมีสีเทารูปเฟอร์ริกออกไซด์
(Fe O ) ดินจะมีสีแดงรูปไฮเดรทเตทเฟอร์ริกออกไซด์ (2Fe O .3H O) ดินจะมีสีเหลืองและรูป
2 3
2
2 3
เฟอร์รัสซัลไฟด์ (FeS) มีน้ าขังดินจะมีสีด า
- ขบวนการก าเนิดดินที่มีการสะสมของแคลเซียมหรือแมกนีเซียมคาร์บอเนตมากดิน
จะมีสีขาว
- ขึ้นอยู่กับสภาวะบางอย่างของดิน เช่น สภาวะขังน้ าจะท าให้ดินมีสีเทาหรือสีน้ าเงิน
สภาวะระบายน้ าดีดิน จะมีสีเหลืองหรือสีแดงถ้าหากขังน้ าและระบายน้ าเกิดขึ้นสลับกันเสมอดิน
จะ มีจุดประ (Mottle) คือมีจุดสีเหลืองหรือสีแดงบนพื้นสีเทาเป็นต้น
ความหนาแน่นของดิน (Soil density) หมายถึงน้ าหนักดินต่อหน่วยปริมาตรของดินมี 2
ประเภท คือ
- ความหนาแน่นของอนุภาคดิน (Particle density of soil) หมายถึงสัดส่วนระหว่าง
-3
น้ าหนักของดินที่อบแห้งแล้วต่อปริมาตรของส่วนที่เป็นของแข็งของอนุภาคดิน (gm cm )
- ความหนาแน่นรวมของดิน (Bulk density of soil) หมายถึงสัดส่วนระหว่างน้ าหนัก
ของดินที่อบแห้งแล้วต่อปริมาตรรวมของดินทั้งหมด (ปริมาตรของอนุภาคดินและช่องว่างในดิน)
-3
(gm cm ) ความหนาแน่นรวมของดินบนที่มีเนื้อดินเป็นดินเหนียวดินร่วนเหนียวและดินร่วนปน
-3
ทรายแป้งมีค่าอยู่ในช่วง 1.20-1.80 (gm cm ) ความหนาแน่นรวมของดินล่างจะเพิ่มขึ้นตามความลึก
เนื่องจากมีอินทรียวัตถุน้อยกว่าดินบนค่าวิกฤตความหนาแน่นรวมของดินที่มีผลต่อการชอนไชของ
รากพืชนั้นมีผู้ให้ค่าโดยประมาณไว้ดังนี้ดินทรายและดินร่วนค่าวิกฤตความหนาแน่นรวมของดิน
-3
มากกว่า 1.6-1.8 gm cm ดินทรายแป้งมากกว่า 1.4-1.6 gm cm ดินเหนียวมากกว่าหรือเท่ากับ 1.3
-3
-3
gm cm ค่าของความหนาแน่นรวมของดินใช้ในการค านวณมวลของดินชั้นไถพรวนและใช้ค านวณ
แปลงค่าปริมาณเชิงมวลเป็นปริมาณน้ าเชิงปริมาตรซึ่งใช้ในการคิดปริมาณน้ าเพื่อการชลประทาน
การเปลี่ยนแปลงสมบัติของดินภายหลังการปลูกป่า 10 ปี ศิริภา โพธิ์พินิจ และ คนึงกิจ ลิ้มตระกูล ได้รายงานว่า