Page 69 - การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดินบริเวณพื้นที่ปลูกป่าของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
P. 69
52
แผ้วถาง และเผาเป็นเวลานานปีแตกต่างกันกับป่าดิบเขาธรรมชาติ แม้ว่าในชั้นหน้าตัดของดินที่
ระดับความลึก 0 – 50 เซนติเมตร จะมีความหยาบละเอียดเป็น Sandy Loam รวมทั้งบริเวณที่ถูก
แผ้วถางนาน 10 – 15 ปี ตั้งแต่ระดับความลึก 120 เซนติเมตร ลงไปจะมีเนื้อดินเป็น Sandy
Loam ด้วยเช่นกัน ซึ่งผลของความแตกต่างดังกล่าว เนื่องมาจากการกร่อนของดิน และการชะล้าง
อนุภาคดินเหนียวในชั้นหน้าของดิน
วันชัย (2525) รายงานว่าการเปลี่ยนสภาพป่าดิบเขาไปใช้ประโยชน์ประเภทต่างๆ ไม่มี
อิทธิพลต่อสมบัติทางด้านสีของดิน แต่ลักษณะของเนื้อดินมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจาก Sandy Clay
Loam ไปเป็น Sandy Loam เนื่องจากเกิดขบวนการกันชะดินจนท าให้ปริมาณอนุภาคของทรายมี
มากขึ้นตามผิวดิน
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการกัดชะดินขึ้นอยู่กับชนิดของดิน ความลาดชันของพื้นที่ พืชปกคลุม
ดิน ปริมาณของฝนและดินฟ้าอากาศ (Gustafson, 1941) จาการศึกษาของ Bennett (1939)
รายงานว่าระยะเวลาที่จะท าให้เกิดการกร่อนดิน Silt Loam ได้ถึง 7 นิ้ว ในพื้นที่ที่มีความลาด
เอียง 12 เปอร์เซ็นต์ จะแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ โดยในป่าธรรมชาติใช้เวลานาน 173,700
ปี ในพื้นที่ที่มีหญ้าปกคลุมใช้เวลา 28,900 ปี และในพื้นที่ว่างเปล่าใช้เวลาเพียง 17 ปี ต้นไม้และ
พืชพรรณพื้นล่างเป็นสิ่งปกคลุมดินที่มีความส าคัญมาก เนื่องจากช่วยลดก าลังในการตกกระทบของ
เม็ดฝน ซึ่งจะก่อให้เกิดการสูญเสียหน้าดิน และธาตุอาหารในดินไป นอกจากนั้น บันดากิ่ง ก้าน
ใบ ของพืชที่ตกหล่นลงมาทับถมที่ผิวดินยังช่วยซับน้ าให้ไหลลงดิน และลดอัตราการเกิดน้ าไหลบ่า
หน้าดิน (Surface runoff) ให้น้อยลงด้วย Ruangpanit (1971) ได้ศึกษาอิทธิพลของความ
หนาแน่นของเรือนยอดที่มีต่อการสูญเสียดินและน้ า พบว่าปริมาณการสูญเสียดินและน้ าจะเพิ่มขึ้น
ถ้าฝนตกเป็นระยะเวลานาน และพื้นที่นั้นมีความหนาแน่นของเรือนยอดที่ปกคลุมน้อยกว่า 70
เปอร์เซ็นต์ แต่เปอร์เซ็นต์การคลุมดินของพืชจะไม่มีประสิทธิภาพในการลดพลังงานจลน์ของเม็ด
ฝน ถ้าหากร่มใบของต้นไม้อยู่สูงจากระดับพื้นดินมากไป (สนองชัย, 2528) การกร่อนของดิน
(Soil erosion) ในประเทศไทยนั้น ส่วนมากตัวการกระท าได้แก่ น้ า ซึ่งเกิดจากฝน