Page 68 - การศึกษาการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดินบริเวณพื้นที่ปลูกป่าของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
P. 68
51
Thaiutsa et al. (1978) รายงานว่าปริมาณซากพืชที่ร่วงหล่นในป่าเต็งรัง มีประมาณปีละ
4.7 ตันต่อเฮกแตร์ ซึ่งมีปริมาณไนโตรเจนสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ แคลเซียม โปแตสเซียม
แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ตามล าดับ ส่วนซากพืชในป่าดิบเขาจะมีไนโตรเจนในประมาณที่ต่ า
คือมีแคลเซียม >แมกนีเซียม >ไนโตรเจน >ฟอสฟอรัส >โปรแตสเซียม ปละมวลชีวภาพของป่าดิบ
แล้งและป่าเต็งรัง มีค่าเท่ากับ 242.43 และ 94/82 ตันต่อเฮกแตร์ ตามล าดับ (บุญฤทธิ์, 2525)
พงษ์ศักดิ์ (2537) ได้ศึกษาผลผลิต และการหมุนเวียนของธาตุอาหารของป่าเต็งรังใน
ประเทศไทย เฉพาะพรรณไม้ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ระดับความสูง 1.30 เมตร เหนือพื้นดิน
ตั้งแต่ 10 เซนติเมตรขึ้นไป พบว่าก าลังผลิตขึ้นปฐมภูมิสุทธิของสังคมพืชป่าเต็งรังขึ้นอยู่กับ
ปริมาณมวลชีวภาพของใบที่มีอยู่ โดยสังคมป่าเต็งรังที่มีไม้เต็งเป็นไม้เด่น และขึ้นอยู่ในที่แห้งแล้ง
จะมีมวลชีวภาพของใบประมาณ 0.77 ตันต่อเฮกแตร์ และอัตราผลิตขั้นปฐมภูมิสุทธิเท่ากับ 3.601
ตันต่อเฮกแตร์.ปี ซึ่งเมื่อพิจารณาทุกสังคมย่อยของป่าเต็งรังรวมกันแล้วจะมีปริมาณมวลชีวภาพของ
ใบระหว่า 1.28 + 0.28 ตันต่อเฮกแตร์ (พงษ์ศักดิ์ และมณฑล, 2523) และมีอัตราผลิตขั้นปฐมภูมิ
สุทธิเท่ากับ 5.772 + 1.262 ตัน/เฮกแตร์ แต่เมื่อรวมปริมาณมวลชีวภาพของล าต้น กิ่ง และใบเข้า
ด้วยกันแล้ว สังคมป่าเต็งรังจะมีประมาณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินทั้งหมดเฉลี่ยระหว่าง 126.11 +
52.69 ตันต่อเฮกแตร์ (พงษ์ศักดิ์ และมณฑล, 2523)
McColl and Grical (1979) กล่าวว่าการตัดไม้ แผ้วถาง และเผาท าลายป่า จะท าให้ธาตุ
อาหารสูญเสียออกไปจากระบบนิเวศ ประมาณ 5 – 30 เปอร์เซ็นต์ โดยสูญเสียออกไปจากระบบ
ได้ 4 ทางด้วยกัน (Duvigneaud and Denacyer, 1970) ดังนี้คือ 1. โดยน าออกจากป่าในรูป
ผลผลิตของพืชไม่ว่าจะเป็นต้น ผล เมล็ด หรือใบ 2. โดยขบวนการชะล้าง (Ieaching) จากนั้น
ไหลซึมผ่านผิวดินที่จะพาธาตุอาหารลงไปสะสมอยู่ในดินชั้นล่าง หรือสะสมอยู่ในน้ าใต้ดิน 3.
โดยการกร่อนของดิน ซึ่งมีน้ าหรือลมเป็นตัวกระท า (Soil erosion) 4. โดยการระเหิด
(Volatilization) ของธาตุอาหารบางธาตุ เช่น ไนโตรเจน กลับขึ้นไปสู่อากาศในรูปของก๊าซ
3.5.2 สมบัติทางฟิสิกส์ของดิน
สมบัติทางฟิสิกส์ของดินเป็นปัจจัยที่ส าคัญในการก าหนดว่าปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในดิน
นั้นเหมาะสมกับพืช ที่จะน าไปใช้ประโยชน์เพื่อการเจริญเติบโตมากน้อยเพียงใด ซึ่งมีอยู่หลาย
ประการที่มีความส าคัญต่อพืชทั้งทางตรงและทางอ้อม (คณาจารย์ภาคปฐพีวิทยา, 2519)
เนื้อดิน (Soil texture) เป็นสมบัติที่บ่งบอกความละเอียด หรือความหยาบของดิน โดยอยู่
ในรูปของสัตว์สัมพันธุ (Relative – Proportions) ของกลุ่มอนุภาคที่เป็นทราย ทรายแป้ง และดิน
เหนียว (สุรศักด์, 2527) โดยปกติเนื้อดินมีความเสถียร ส่วนมากไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงภายใต้
สภาพธรรมดาของการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตร (คณาจารย์ภาคปฐพีวิทยา, 2519)
เกษม และคณะ (2517) ได้ศึกษาถึงผลการท าไร่เลือนลอยต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติทาง
ฟิสิกส์บางประการในดินป่าดิบเขา พบว่าความหยาบละเอียดของดินในที่ลาดชันต่างกันของป่าที่ถูก