Page 30 - เอกสารวิชาการ การใช้อินทรียวัตถุปรับปรุงดินเค็มชายทะเล : เอกสารวิชาการสถาบันวิจัยพัฒนาเพื่อป้องกันการเป็นทะเลทรายและการเตือนภัย เลขที่ 30/02/48
P. 30

22


               2532 ก) โสนอัฟริกันเปนพืชที่มีไนโตรเจนสูงประมาณ 2-3 เปอรเซ็นต (Becker และ คณะ, 1990) ในขณะที่

               สมศรีและคณะ (2538  ก)  รายงานวาไนโตรเจนของโสนเมื่อปลูกในดินเค็มภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู

               ระหวาง 1.5-3 เปอรเซ็นต มีคา C/N ratio ต่ําประมาณ 14-22 อยางไรก็ตาม เปอรเซ็นตไนโตรเจนจะแปรป
               รวนขึ้นอยูกับวันที่ปลูก คา C/N ratio ที่ตําแสดงใหเห็นวางายตอการยอยสลายและปลดปลอยธาตุอาหารให

               กับพืชที่ปลูกตามมา

                             สําหรับอัตราเมล็ดพันธุของโสนอัฟริกันที่ใชกับนาขาวคือ 5-10 กิโลกรัมตอไร ในพื้นที่ดินเค็ม

               ควรจะใชในอัตราที่สูงเพื่อเปนการชะลอการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการทางลําตนไมใหเนื้อไมแข็งเกินไป
               (มิลลิกรัมสมมูลยelu et al, 1994)  วิธีการปลูกก็ไมยุงยากโดยการไถเตรียมดิน 1-2  ครั้ง  แลวทําการหวาน

               เมล็ดโสนอัฟริกันใหกระจายทั่วแปลงสม่ําเสมอ หลังจากนั้นประมาณ 50-60 วันหรือประมาณ 8 สัปดาห ทํา

               การไถกลบลงในดิน สําหรับในพื้นที่ดินเค็ม Dargan และคณะ (1982) แนะนําวาควรสับกลบโสนเปนพืชปุย

               สดอายุ 7-9 สัปดาห หลังจากการสับกลบพืชปุยสด จะเกิดขบวนการยอยสลายพืชปุยสด ปจจัยสําคัญที่มีผล

               ก็คือสภาพแวดลอม  ในสภาพที่มีอากาศจะเกิดการสลายตัวอยางรวดเร็วโดยเชื้อรา  ซึ่งจะไดสารพวกออกไซด
               เชน  ไนเตรท  ซัลเฟต  คารบอนไดออกไซด  และสวนที่ยอยสลายยาก  สวนในน้ําขังการสลายตัวจะเกิดขึ้นชา

               และมีแบคทีเรียชวยในการสลายตัว  ผลที่ได  คือ  แอมโมเนีย  มีเทน  ไฮโดรเจน  คารบอนไดออกไซดและกรด

               อินทรียตางๆ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2540)  สิ่งที่ไดจากการยอยสลายจะไปมีผลกระทบตอพืชหลักที่ปลูกตามมา

               ดังนั้นในการพิจารณาการปลูกพืชหลักควรจะพิจารณาผลกระทบตางๆ จากสารเหลานี้ดวย

                              จากรายงานของนิรันดรและคณะ (2530)  ไพรัช (2536)  พบวาการสับกลบโสนสงผลใหดิน

               เค็มมีความอุดมสมบูรณเพิ่มขึ้น คือ เพิ่มความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก อินทรียวัตถุไนโตรเจน ซึ่ง

               ปริมาณไนโตรเจนแปรตามปริมาณอินทรียวัตถุในดินและเพิ่มกิจกรรมของจุลินทรียดิน    ซึ่งไพรัชและคณะ
               (2541)  รายงานวา  การใชโสนอัฟริกันสงผลใหขาวไดผลผลิตไมแตกตางกับการใชปุยเคมี  คือ  เฉลี่ย 247.46

               และ 266.64  กิโลกรัมตอไร  ตามลําดับ  และพบวาการสับกลบโสนอัฟริกันที่มีอายุมากขึ้น  ซึ่งใหมวลชีวภาพ

               เพิ่มขึ้นนั้น มีแนวโนมใหผลผลิตขาวสูงขึ้น เชนกัน

                              โสนอัฟริกันมีศักยภาพสูงในการนํามาใชเปนปุยพืชสดปรับปรุงดินเค็มเพื่อเพิ่มผลผลิตขาว
               เนื่องจากเจริญเติบโตไดดีในพื้นที่ดินเค็มนอยถึงปานกลาง ทนตอสภาพน้ําขัง ใหปริมาณไนโตรเจนสูง งายตอ

               การสับกลบ  และยอยสลายปลดปลอยธาตุอาหาร  หลังการสับกลบสงผลใหขาวที่ปลูกตามมาใหผลผลิตเพิ่ม

               ขึ้น และเมื่อมีการใชรวมกับปุยอินทรียชนิดอื่นๆ เชน ปุยหมัก ปุยคอก ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

               ในการปรับปรุงดินเค็ม ซึ่งประสิทธิ์ และไพรัช 2547 เปรียบเทียบผลของวัสดุปรับปรุงดินเค็มกับปุยอัตราแนะ
               นําตอผลผลิตขาวในดินเค็มชายทะเล พบวา การใชโสนอัฟริกันรวมกับปุยหมักและปุยเคมี จะมีประสิทธิภาพ

               สูงในการเพิ่มผลผลิตขาวพันธุชัยนาท 1   เมื่อเทียบกับแปลงควบคุมคือจะไดผลผลิต 729.90  กิโลกรัมตอไร

               นอกจากนี้ยังทําใหความเค็มของดินลดลง   รวมทั้งปริมาณอินทรียวัตถุ   และปริมาณฟอสฟอรัสในดินเพิ่มขึ้น

               ดวย (ตารางที่ 3.2)
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35