Page 71 - รายงาน ผลของการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อเร่งการย่อยสลายตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ Effect of using biological products for accelerating the degradation of maize stubble
P. 71
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
65
ตารางที่ 15 สมบัติทางเคมีของดินก่อนและหลังการทดลองจากการปลูกรอบที่ 1 และรอบที่ 2
ตำรับการทดลอง pH (1:1) OM (%) Avail. P (mg/kg) Exch. K (mg/kg)
ก่อนการทดลอง 8.60 2.50 13 120
หลังการทดลอง crop 1 crop 2 crop 1 crop 2 crop 1 crop 2 crop 1 crop 2
1 8.47 8.30 1.97 b 2.87 31.05 b 58.75 b 192.50 231.0
2 8.40 8.23 2.27 a 2.86 31.67 b 46.75 b 177.46 211.5
3 8.49 8.30 2.23 a 2.87 45.44 a 73.25 a 191.20 212.0
4 8.37 8.25 2.26 a 3.03 47.87 a 51.50 b 184.98 214.75
5 8.46 8.30 2.22 a 2.84 47.37 a 53.25 b 188.71 224.75
F-test ns ns * ns * * ns ns
CV (%) 2.57 1.03 5.09 5.01 19.86 18.58 15.55 16.13
หมายเหตุ : ตัวอักษรที่เหมือนกันในสดมภ์เดียวกันไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยการใช้ DMRT
ns ไม่แตกต่างกันทางสถิติ
* แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
จากผลการทดลองการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพเร่งการย่อยสลายตอซังข้าวโพดเลี้ยง
สัตว์ในสภาพแปลงจากการปลูก 2 รอบ มีผลต่อสมบัติทางเคมีของดิน พบว่า มีผลต่อการสะสมอินทรียวัตถุใน
ดินเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็น 16.0 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ในดินมีค่าเพิ่มขึ้น คิดเป็น 83.75
เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับดินก่อนการทดลอง โดยตำรับการทดลองที่ 3 การใส่ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ผสม
เอนไซม์เซลลูเลสอัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 50 ลิตรต่อไร่ มีผลให้การสะสมปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ใน
ดินเพิ่มสูงขึ้น คิดเป็น 39.36 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั้งนี้อาจเนื่องจากการใส่
ปัจจัยการทดลองมีการใส่ปุ๋ยเคมีที่เป็นแหล่งธาตุอาหารพืช อาจเกิดการสะสมในดิน และจากการสับกลบตอซัง
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นการเพิ่มแหล่งธาตุอาหารจากพืช อีกทั้งเพิ่มอินทรียวัตถุใหม่ลงในดิน สอดคล้องกับ
รายงานของ Matsummoto et al. (2008) การสับกลบเศษซากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้มีคาร์บอนใส่กลับลง
ในดินเฉลี่ย 488.70 กิโลกรัมคาร์บอนต่อไร่ เป็นปัจจัยที่ทำให้อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้น จากคุณสมบัติของ
อินทรียวัตถุมีพื้นที่ผิวสัมผัสมาก มีประจุลบเป็นส่วนใหญ่ และมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก
(CEC) ได้สูงกว่าดินเหนียวชนิดอื่น ๆ อีกทั้งเศษพืชที่เกิดการย่อยสลายด้วยกิจกรรมของจุลินทรีย์จะเป็น
อินทรียวัตถุที่สลายตัวได้ดีแล้ว จะมีค่า CEC สูงถึง 300 เมกะกรัมต่อ 100 กรัมของฮิวมัส ซึ่งสูงกว่า CEC ของ
แร่ดินเหนียว ประมาณ 2 - 30 เท่า มีความสามารถในการดูดซับธาตุอาหารประจุบวกมาจากประจุลบจำนวน
มากของอินทรียวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการ dissociation ของสารประกอบบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
carboxylic group และ phenolic OH group (โสฬส, 2559) จึงมีความสำคัญมากในการป้องกันมิให้ธาตุ
อาหารพืชที่ใส่ลงไปในดินในรูปปุ๋ยเคมี หรือธาตุอาหารพืชที่มีอยู่ในดินตามธรรมชาติ ถูกดูดซับไว้ที่ผิว
อินทรียวัตถุ ทำให้ลดการสูญเสียธาตุอาหารไปกับกระบวนการชะล้าง โดยเฉพาะดินทราย หรือดินเนื้อหยาบ ซึ่ง
ทำให้ประสิทธิภาพการดูดใช้ธาตุอาหารของพืชเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมี
(คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา, 2541) อีกทั้งการฉีดพ่นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ผสมเอนไซม์เซลลูเลส หรือผลิตภัณฑ์