Page 16 - นวปฏิบัติตามความสมัครใจเพื่อการจัดการดินอย่างยั่งยืน (Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management) : แปลจากเอกสารเผยแพร่ เรื่อง "Revised World Soil Chartar" ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization (FAO) of the United Nations)
P. 16
8 Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management
ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ในทางกลับกัน การใช้ที่ดินและการจัดการดินที่เหมาะสมจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอินทรีย์คาร์บอนในดิน
และปรับปรุงคุณภาพดินซึ่งสามารถลดอัตราการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้
• เพิ่มปริมาณการผลิตมวลชีวภาพ ด้วยการเพิ่มความเป็นประโยชน์ของน้ำสำหรับพืชด้วยมาตรการต่างๆ (เช่น การ
ชลประทานโดยใช้ระบบน้ำหยดหรือสปริงเกอร์ขนาดเล็ก การวางแผนการชลประทาน การติดตามและตรวจสอบ
ความชื้นดินหรือการสูญเสียน้ำผ่านการคายระเหยของดิน) ที่ทำให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำสูงสุด และลดการชะล้าง
พังทลายของดินและการสูญเสียของธาตุอาหารในดิน การปลูกพืชปกคลุมพื้นที่ การปรับสมดุลการใช้ปุ๋ยและการใช้
ประโยชน์วัสดุอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงพื้นที่ปลูกพืช การส่งเสริมวนเกษตรและการปลูกพืชสลับ
แนว การปลูกป่าและการปล่อยพื้นที่เป็นผืนป่า
• ปกป้องดินที่อุดมด้วยอินทรีย์คาร์บอนในพื้นที่พรุ ป่า ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และพื้นที่อื่นๆ
• เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุด้วยแนวปฏิบัติต่างๆ เช่น การจัดการเศษซากพืช การปล่อยให้สัตว์แทะเล็มในทุ่งหญ้าเลี้ยง
สัตว์ การทำเกษตรอินทรีย์ การจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินแบบผสมผสาน การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน
การใช้ปุ๋ยคอกหรือวัสดุของเสียอื่นๆ ที่มีปริมาณคาร์บอนสูง การใช้ปุ๋ยหมัก การคลุมหน้าดินด้วยหญ้าหรือการสร้าง
สิ่งปกคลุมหน้าดินถาวร
• ควรหลีกเลี่ยงการเกิดไฟไหม้ ยกเว้นในกรณีที่ไฟเป็นส่วนประกอบสำคัญในการจัดการที่ดิน ในกรณีนี้เวลาและ
ความรุนแรงของการเผาไหม้ควรปฏิบัติอย่างเหมาะสมเพื่อจำกัดการสูญเสียหน้าที่ของดิน ในกรณีที่ไฟไหม้เกิดขึ้น
ตามธรรมชาติ ควรพิจารณาขั้นตอนตามความเหมาะสมในการลดการชะล้างพังทลายหน้าดินและส่งเสริมการฟื้นฟู
พื้นที่ด้วยพืชพรรณหากสามารถดำเนินการได้
• ใช้ประโยชน์จากวัสดุอินทรีย์อย่างเหมาะสม เช่น ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์และของเสียจากมนุษย์ที่ผ่านกระบวนการ
แปรรูปอย่างเหมาะสม
• ยอมรับและปรับใช้แนวทางการจัดการต่างๆ เช่น ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชในพื้นที่ทิ้งร้าง ลดหรือไม่ไถพรวน หรือ
สร้างรั้วมีชีวิตเพื่อสร้างความมั่นใจว่าดินจะมีปริมาณอินทรีย์คาร์บอนที่เพียงพอ
• ลดอัตราการย่อยสลายของอินทรียวัตถุในดินด้วยการลดหรือไม่ไถพรวนดินในขณะที่การใช้สารกำจัดวัชพืชต้องไม่
เพิ่มขึ้น
• ปลูกพืชหมุนเวียน พืชตระกูลถั่ว หรือพืชผสมผสาน
3.3 การสร้างความสมดุลและการหมุนเวียนธาตุอาหารในดิน
แนวคิดความพอเพียงและประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ประยุกต์ใช้กับพลวัตของธาตุอาหารในดิน-น้ำ-ธาตุอาหาร-
รากพืชที่สัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ปริมาณธาตุอาหารพืชควรขึ้นอยู่กับความต้องการของพืช คุณลักษณะและสภาพดินในท้องถิ่น
และรูปแบบของสภาพอากาศ โภชนาการของพืชสามารถปรับปรุงได้ด้วยการหมุนเวียนธาตุอาหารหรือการประยุกต์ใช้ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยอินทรีย์ และวัสดุปรับปรุงดินอื่นๆ รวมถึงแร่ปฐมภูมิ (เช่น หินฟอสเฟต) และแร่ทุติยภูมิ (เช่น ฟอสฟอรัสจากกากตะกอน
น้ำเสีย) การเลือกระบบการจัดการธาตุอาหารพืชและวิธีการจัดการที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และต้องดำเนินการควบคู่
กับการประเมินความเหมาะสมของที่ดินสำหรับการใช้ที่ดินนั้นๆ
ประโยชน์ของการจัดการธาตุอาหารที่เพียงพอและสมดุลต่อความต้องการของพืชมีความสำคัญต่อการผลิตอาหาร
อาหารสัตว์ เส้นใย ไม้ และเชื้อเพลิง; การลดความจำเป็นในการใช้มาตรการควบคุมศัตรูพืช; การใช้วัสดุปรับปรุงดินอินทรีย์
หรืออนินทรีย์ และปุ๋ยเคมี; มลพิษที่เกิดเนื่องจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างไม่เหมาะสมลดลง; และเพิ่มการกักเก็บ
คาร์บอนในดินด้วยการผลิตมวลชีวภาพและการคืนกลับสู่ดิน