Page 17 - นวปฏิบัติตามความสมัครใจเพื่อการจัดการดินอย่างยั่งยืน (Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management) : แปลจากเอกสารเผยแพร่ เรื่อง "Revised World Soil Chartar" ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization (FAO) of the United Nations)
P. 17
Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management 9
การขาดธาตุอาหารพื้นฐานทำให้การพัฒนาผลผลิต และคุณค่าทางโภชนาการของพืชลดลง ในทางกลับกันหากในดิน
มีธาตุอาหารที่มากเกินไป จะทำให้เกิด ก) การสูญเสียธาตุอาหารส่วนเกิน (โดยเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัส) จากพื้นที่
การเกษตร ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ยูโทรฟิเคชั่น (eutrophication) และ การเสื่อมคุณภาพของน้ำและระบบนิเวศของโลก
ข) การเพิ่มการปลดปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากดินสู่บรรยากาศ ค) การชะล้างไนโตรเจน (ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้) ลงสู่
แหล่งน้ำที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ และ ง) ความล้มเหลวในการผลิตพืช
• ความอุดมสมบูรณ์ของดินและการหมุนเวียนธาตุอาหารตามธรรมชาติควรได้รับการปรับปรุงและบำรุงด้วยการรักษา
หรือปรับปรุงปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน ซึ่งมาตรการอนุรักษ์ดินที่สามารถปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินให้ดีขึ้น
ได้ ประกอบด้วย การใช้พืชหมุนเวียนกับพืชตระกูลถั่ว การใช้ปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยคอก และการใช้พืชคลุมดินร่วมกับ
การลดการไถพรวนหรือไม่ไถพรวนและไม่ใช้สารกำจัดวัชพืช รวมถึงการใช้มาตรการวนเกษตร โดยการหมุนเวียน
ของธาตุอาหารนั้นจะเกิดขึ้นได้ดีในระบบเกษตรผสมผสาน เช่น ระบบการปลูกพืชปศุสัตว์ หรือระบบการปลูกพืช
ปศุสัตว์และป่าไม้ร่วมกัน
• ประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหารควรได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมด้วยการใช้มาตรการต่างๆ เช่นการปรับสมดุลของ
ดินโดยใช้วัสดุอินทรีย์และอนินทรีย์ (เช่น ปุ๋ยหมักและวัสดุปูนทางการเกษตร) และ/หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น
นวัตกรรม (เช่น ปุ๋ยที่ปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าและควบคุมได้) รวมถึงการใช้ธาตุอาหารซ้ำหรือการนำธาตุ
อาหารกลับมาใช้ใหม่
• วิธีการ ประเภท อัตรา และระยะเวลาการใช้ปุ๋ยควรมีความเหมาะสมเพื่อลดการสูญเสีย และส่งเสริมสมดุลการดูดใช้
ธาตุอาหารของพืช ทั้งนี้ควรพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูลดินและพืช รวมทั้งควรดำเนินการในระยะยาวมากกว่า
การกระทำในระยะเวลาสั้นๆ
• ในช่วงที่วางแผนการปรับปรุงดิน ควรพิจารณาการเพิ่มธาตุอาหารรองในดินร่วมด้วย
• ใช้แหล่งธาตุอาหารพืชที่มีความเหมาะสม ได้แก่ การใช้วัสดุอินทรีย์และอนินทรีย์ ปุ๋ยเคมี และผลิตภัณฑ์ชีวภาพทาง
การเกษตรอย่างแม่นยำและเหมาะสม ซึ่งวัสดุเหล่านี้รวมถึงปุ๋ยคอก (ในรูปของเหลว กึ่งเหลวกึ่งแข็ง หรือของแข็ง)
เศษซากพืช ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ขยะในครัวเรือน วัสดุเถ้าที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตพลังงานชีวภาพ วัสดุปรับปรุงดิน
และจุลินทรีย์ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวเหล่านี้ควรดำเนินการควบคู่กับมาตรการอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ของธาตุอาหารพืช ทั้งนี้ควรให้ความมั่นใจว่ามาตรการเหล่านี้ถูกใช้อย่างปลอดภัย (เช่น ใช้ในระดับที่เหมาะสม
ไม่ก่อให้เกิดสารปนเปื้อนและมลพิษที่กระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน)
• ควรมีการทดสอบดินและพืช รวมทั้งการประเมินผลจากภาคสนาม เพื่อเป็นแนวทางในการวินิจฉัยและแก้ไขข้อจำกัด
ในการผลิตพืชที่สัมพันธ์กับธาตุอาหารของพืช ความเค็มของดิน และสภาพความเป็นกรดด่างที่สูง-ต่ำเกินไป แนวทาง
ดังกล่าวเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและติดตามความก้าวหน้าในการจัดการดิน
• หากมีความเหมาะสม ควรมีการจัดการด้านปศุสัตว์และการเลี้ยงสัตว์โดยปล่อยให้มีการแทะเล็มตามธรรมชาติในทุ่ง
หญ้า เพื่อให้การทับถมของมูลสัตว์และปัสสาวะเกิดขึ้นอย่างเหมาะสมในพื้นที่
• การใช้วัสดุปูนทางการเกษตรในพื้นที่ดินกรดจะต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพสูงสุด การใช้ธาตุอาหาร ในขณะที่
การใช้วัสดุอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก ควรพิจารณาใช้ในพื้นที่ดินด่างหรือดินอื่นๆ
• ควรจัดสรรแร่ธาตุอาหารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น หินฟอสเฟตหรือแร่โพแตช อย่างมีประสิทธิภาพและมีกลยุทธ์
เพื่อให้เพียงพอสำหรับการใช้ประโยชน์อนาคต