Page 15 - นวปฏิบัติตามความสมัครใจเพื่อการจัดการดินอย่างยั่งยืน (Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management) : แปลจากเอกสารเผยแพร่ เรื่อง "Revised World Soil Chartar" ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization (FAO) of the United Nations)
P. 15
Voluntary Guidelines for Sustainable Soil Management 7
3. แนวปฏิบัติการจัดการดินอย่างยั่งยืน
แนวทางต่อไปนี้ถือเป็นแนวทางทางวิชาการเพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางดินที่ขัดขวางการจัดการดินอย่างยั่งยืน
ซึ่งแนวทางเหล่านี้ไม่ควรมองว่าเป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสม แต่ควรพิจารณาในแง่การอ้างอิงทางวิชาการที่จะนำไปใช้บนพื้นฐาน
ของบริบทจำเพาะเจาะจง นอกจากนั้น ควรมีการพัฒนาคู่มือทางวิชาการเฉพาะเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเสริม
3.1 การลดการชะล้างพังทลายของดิน
รายงานสถานะของทรัพยากรดินของโลกระบุว่าการชะล้างพังทลายของดินโดยมีสาเหตุมาจากน้ำและลมเป็นภัย
คุกคามที่สำคัญที่สุดของดินและระบบนิเวศบริการทั่วโลก การชะล้างพังทลายของดินทำให้เกิดการสูญเสียหน้าดินที่มี
อินทรีย์วัตถุและแร่ธาตุอาหาร รวมถึงการสูญเสียชั้นดินบางส่วนหรือทั้งหมดและความเสี่ยงต่อดินล่างที่มีข้อจำกัด
การเจริญเติบโตของพืช เช่นเดียวกัน ผลกระทบภายนอก เช่น ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพของน้ำลดลงและ
เกิดการตกตะกอน การชะล้างพังทลายของดินถูกเร่งโดยกิจกรรมของมนุษย์โดยการลดพืชพรรณหรือสิ่งปกคลุมหน้าดิน การไถ
พรวนและการดำเนินงานอื่นๆ ในภาคสนาม และลดความเสถียรภาพของดินที่นำไปสู่การเคลื่อนย้ายของดินและดินถล่ม
• การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า หรือ การปรับเปลี่ยนพื้นที่ทุ่งหญ้าเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ผิดวิธี
เป็นสาเหตุของการสูญเสียหน้าดินและคาร์บอนในดิน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงหรือวางแผนอย่างรอบคอบ และหาก
หลีกเลี่ยงไม่ได้ควรดำเนินการอย่างเหมาะสม
• ควรมีพืชปลูกในพื้นที่หรือปล่อยเศษซากวัสดุทั้งที่เป็นอินทรีย์และอนินทรีย์เพื่อช่วยปกป้องหน้าดินจากการชะล้าง
พังทลายของดินด้วยการใช้มาตรการที่เหมาะสม เช่น การคลุมดิน การลดการไถพรวน การปลูกพืชโดยไม่ต้องไถ
พรวนและลดการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช การปลูกพืชคลุมดิน การเกษตรเชิงนิเวศ การควบคุมการใช้ยานยนต์
การคลุมดินด้วยพืชและปลูกพืชหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง การปลูกพืชสลับเป็นแถว วนเกษตร ปลูกพืชเป็นแนวกันลม
และอัตราการเก็บเกี่ยวและความหนาแน่นของทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม
• ควรลดการชะล้างพังทลายของดินด้วยน้ำบนพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ค่อนข้างสูงชันให้น้อยลงด้วยการใช้มาตรการที่
ช่วยลดอัตราการไหลบ่าและความเร็วของน้ำ เช่น การปลูกพืชแบบสลับแถว การปลูกพืชตามแนวระดับ การปลูกพืช
หมุนเวียน การปลูกพืชแบบผสมผสาน วนเกษตร วางสิ่งกีดขวางทางลาดชัน (เช่น แถบหญ้า สร้างทำนบ และแถบ
หิน) การก่อสร้างและบำรุงรักษาขั้นบันใด และการสร้างทางน้ำด้วยแถบหญ้าหรือแถบพืช
• หากมีความเหมาะสม ควรใช้มาตรการปลูกแถบพืชริมตลิ่ง แนวกันชน พื้นที่ชุ่มน้ำ การเก็บกักน้ำ และพืชคลุมดิน
เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของอนุภาคดินและธาตุอาหารที่เกี่ยวข้อง และสารปนเปื้อนออกจากดิน และป้องกัน
ผลกระทบที่สร้างความเสียหายให้แก่บริเวณปลายน้ำ นอกจากนั้น ควรลดและบรรเทาผลกระทบการชะล้างพังทลาย
ของหน้าดินโดยลม รวมถึงพายุฝุ่น โดยการใช้พืชพรรณ (ต้นไม้และพุ่มไม้) หรือสิ่งก่อสร้าง (เช่น กำแพงหิน) เพื่อลด
ความเร็วลม
3.2 การเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน
อินทรียวัตถุในดินมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาหน้าที่ของดินและป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน ดินจัดเป็นแหล่ง
อินทรีย์คาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีบทบาทสำคัญในการควบคุมภูมิอากาศและบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ผ่านการสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการกักเก็บคาร์บอน ด้วยเหตุนี้ อินทรียวัตถุในดินจึงเป็นมาตรการ
หลักสำหรับการปรับตัวและการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอินทรียวัตถุในดินทั่วโลกควรคงที่หรือมีปริมาณ
เพิ่มขึ้น การสูญเสียอินทรีย์คาร์บอนในดินเนื่องจากการใช้ที่ดินไม่เหมาะสมหรือการใช้มาตรการจัดการดินและพืชที่ผิดวิธี
ทำให้คุณภาพและโครงสร้างดินแย่ลงและการชะล้างพังทลายของดินเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มการปลดปล่อยคาร์บอน