Page 23 - เปรียบเทียบพันธุ์หญ้าแฝกและพืชคลุมดินต่อการฟื้นฟูและการปรับปรุงสมบัติทางกายภาพและเคมีของดิน
P. 23
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
7
เปอรเซ็นต ที่ระดับความลึกดิน 0-20 และ 20-40 เซนติเมตร ตามลําดับ เมื่อเปรียบเทียบกับไมมีแถว
หญาแฝก ในฤดูแลงทําใหปริมาณความชื้นในดินเพิ่มขึ้น 42.1 และ 13.3 เปอรเซ็นต ที่ระดับความลึก
ดินทั้ง 2 ระดับ เนื่องจากในฤดูฝนจะมีความชื้นในดินมากกวาในชวงฤดูแลง นอกจากนี้การคายน้ําของ
พืชในชวงฤดูฝน ดินมีความชื้นอยางเพียงพอ อัตราการคายน้ํานอย สวนในฤดูแลงความชื้นในดินลดลง
ซึ่งไมเพียงพอกับความตองการของพืช อัตราการคายน้ําของพืชจะเพิ่มมากขึ้น
Hu et al. (1997) ไดศึกษาปริมาณความชื้นในสวนมะนาวดวยการคลุมโคน
ตนดวยใบหญาแฝก และฟางขาวเปรียบเทียบกับการไมใชวัสดุคลุมดิน ผลการศึกษาพบวาใบหญาแฝก
ชวยรักษาความชื้นในดินไดสูงกวาฟางขาว และไมคลุมดิน เทากับ 4.5 และ 17.9 เปอรเซ็นต ตามลําดับ
และในชวงกลางฤดูแลง จะมีความแตกตางที่สูงเทากับ 10.3 และ 27.8 เปอรเซ็นต ตามลําดับ ดังนั้น
การคลุมดินดวยใบหญาแฝกจะทําใหเพิ่มความทนทานตอความแหงแลงของพื้นที่เพาะปลูก ได
ระยะเวลา 6-10 วัน Xia et al. (1996) รายงานวาหญาแฝกชวยปองกันความรอนจากแสงแดดใน
สวนสม โดยทําใหอุณหภูมิในฤดูรอนใตตนสมที่ระดับผิวดิน ที่ระดับ 20 เซนติเมตร จากผิวดิน และที่
ระดับ 150 เซนติเมตร เหนือผิวดินมีอุณหภูมิต่ํากวาสวนสมที่ไมปลูกหญาแฝก และความชื้นในสวนสม
เพิ่มขึ้นดวย นอกจากนี้ Liyu (1988) รายงานวาในประเทศจีนมีการปลูกแถวหญาแฝกระหวางตนชา
และพืชอื่น ๆ มีการตัดแตงใบแลวนําไปใชเปนวัสดุคลุมดินในพื้นที่ปลูกพืชดังกลาว ใบหญาแฝกชวย
รักษาความชื้นในดิน ทําใหอุณหภูมิดินลดต่ําลง ชวยปกปองความแหงแลงในฤดูรอนและความหนาว
เย็นของอากาศในฤดูหนาว
สุภา (2544) ศึกษาอิทธิพลของการตัดใบหญาแฝกคลุมดินตอการเปลี่ยน
แปลงปริมาณความชื้นที่เปนประโยชนของดินในชวงฤดูแลง ในพื้นที่โครงการปลูกปาชัยพัฒนา-แมฟา
หลวง พบวาดินที่ระดับความลึก 0-20 เซนติเมตร มีปริมาณความชื้นที่เปนประโยชนลดลงอยาง
รวดเร็ว กวาดินระดับความลึก 20-50 และ 50-80 เซนติเมตร สวนปริมาณความชื้นที่เปนประโยชน
ของดินชวงฤดูแลงตลอดระยะเวลา 30 วัน ระหวางการตัดใบหญาแฝกคลุมดิน ไมคลุมดิน และไมตัด
ใบ โดยวิธีการไมตัดใบสวนใหญมีปริมาณความชื้นสูงกวาการตัดใบคลุมดินและไมคลุมดิน ทั้งนี้เปน
เพราะหญาแฝกมีการแตกกอใบออนมีการใชน้ํา สําหรับการเจริญเติบโตทําใหความชื้นดินลดลง สวน
การคลุมดินมีสวนชวยใหการระเหยน้ําจากผิวดินลดลง ธวัชชัย และคณะ (2537) รายงานวา การตัด
ใบหญาแฝกมาคลุมดินชวยรักษาความชุมชื้นได โดยในพื้นที่ 1 ไร สามารถตัดใบหญาแฝกได 2.0–2.5
ตัน เมื่อตากแหงจะเหลือน้ําหนัก 1 ใน 3 สวน (700-800 กิโลกรัม) และตนหญาแฝกที่ยอยสลายเปน
ปุยอินทรีย ทําใหดินมีความอุดมสมบูรณเพิ่มขึ้น Grimshaw (1998) พบวาการปลูกหญาแฝกในพื้นที่
ไมผลสามารถเพิ่มความชื้นของดินในชวงฤดูแลงสูงถึง 30 เปอรเซ็นต Xia et al. (1996) พบวาฤดู
แลง ความชื้นดินในพื้นที่ปลูกหญาแฝกสูงกวาพื้นที่ที่ไมปลูกถึง 42.1 เปอรเซ็นต สวนฤดูฝนความชื้น
ดินในพื้นที่ปลูกหญาแฝกสูงกวาพื้นที่ที่ไมปลูกถึง 20.3 เปอรเซ็นต มีงานวิจัยที่ใชประโยชนหญาแฝก
เพื่อรักษาความชุมชื้นในดินที่ปลูกพืชไรหลายชนิด เชนพื้นที่ปลูกมันสําปะหลัง ปริมาณน้ําฝน 1,240
มิลลิเมตร พบวาการปลูกแนวหญาแฝกชวยลดปริมาณการสูญเสียดินจาก 23 เหลือ 0.2 ตันตอไรตอป
น้ําไหลบาลดลงจาก 11.3 เหลือ 3.6 เปอรเซ็นต จึงชวยรักษาความชุมชื้นในดินไวเปนอยางดี พื้นที่
ลาดชันที่ปลูกหญาแฝกจะมีปริมาณน้ําที่ไหลผานดินชั้นบนลงสูชั้นลางมากขึ้น ดินมีความชื้นและ
ยาวนานขึ้น จากระบบรากของหญาแฝกที่สามารถแทงทะลุผานชั้นดินไดนั้น อาจจะทําใหน้ําสามารถ