Page 56 - การศึกษาธาตุอาหารในปุ๋ยหมักที่ผลิตจากกากตะกอนน้ำเสีย เทศบาลเมืองป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
P. 56
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
49
3) ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง เริ่มต้นการทดลองอยู่ในช่วง 5.09–5.8 และเมื่อสิ้นสุดการหมัก ค่า
ความเป็นกรดเป็นด่างของกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และกากไขมัน มีค่า
เพิ่มขึ้น 8.71 และ 6.91 ตามล าดับ เนื่องมาจากวัสดุหมักที่ผสมร่วมเกิดการย่อยสลายในสภาวะเติมอากาศ
เป็นคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ า ส่งผลให้ปริมาณกรดอินทรีย์ในวัสดุหมักลดลง เมื่อสิ้นสุดการหมักแนวโน้ม
การเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรดเป็นด่างสูงขึ้น ขณะที่ปุ๋ยหมักจากกากตะกอนร่วมกับกากไขมันมีค่า
ความเป็นกรดเป็นด่างเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าเนื่องจากกากไขมันมีความเป็นกรดมากกว่าวัสดุหมัก
ชนิดอื่น และเมื่อพิจารณาพบว่า ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษ
ผักและกากไขมัน มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยหมักของกรมพัฒนาที่ดิน (กรม
พัฒนาที่ดิน,2550) ซึ่งก าหนดไว้ว่าค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 5.5-8.5
4) ปริมาณอินทรีย์คาร์บอน เมื่อสิ้นสุดการหมัก ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และปุ๋ยหมัก
กากตะกอนร่วมกับเศษผักและกากไขมัน มีค่าลดลง 26.16 และ 31.84 เปอร์เซ็นต์ตามล าดับ ทั้งนี้มีสาเหตุ
มาจากจุลินทรีย์ในวัสดุหมักย่อยสลายสารอินทรีย์คาร์บอนไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ าและสารอื่น ๆ
และสามารถเปลี่ยนคาร์บอนจากอินทรีย์สารไปเป็นเซลล์ของจุลินทรีย์ได้ แต่ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับ
กากไขมันมีค่าอินทรีย์คาร์บอนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีกากไขมันเป็นองค์ประกอบท าให้ปริมาณอินทรีย์เกิดการ
ย่อยสลายยากกว่า
5) อัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน เมื่อสิ้นสุดการหมัก ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และ
ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผักและกากไขมัน มีแนวโน้มการย่อยสลายที่ลดลง 16.56:1 และ 20.91:1
ตามล าดับ เนื่องจากจุลินทรีย์จะใช้สารประกอบคาร์บอนและไนโตรเจนเป็นแหล่งอาหารที่จ าเป็นอย่าง
เพียงพอ และอัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจนมีค่าน้อยกว่า 20 ตามเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยหมักของกรม
พัฒนาที่ดิน แต่ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับกากไขมันมีค่าเพิ่มขึ้น (88.22:1) เนื่องมาจากกากไขมันเป็น
สารประกอบที่มีคาร์บอนมาก แนวโน้มการย่อยสลายจึงยากมาก
6) ประสิทธิภาพการย่อยสลาย เมื่อสิ้นสุดการหมักมีแนวโน้มลดลงทั้งนี้เนื่องจากอัตรามวลรวม
เกิดการย่อยสลายสารอินทรีย์ได้มากขึ้น โดยพบว่าลักษณะเนื้อปุ๋ยมีความร่วนซุย และมีความพรุนสูง
โดยเฉพาะปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผัก มีประสิทธิภาพการย่อยสลายสูงที่สุด คือ 82 เปอร์เซ็นต์
รองลงมาคือปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผักและกากไขมัน (78 เปอร์เซ็นต์) เนื่องมาจากเศษผักเพิ่ม
ประสิทธิภาพการย่อยสลายและปรับสภาวะการหมักปุ๋ยได้ดีขึ้น แต่ปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับกากไขมันมี
ประสิทธิภาพในการย่อยสลายน้อย ซึ่งคาดว่าเนื่องมาจากปริมาณวัสดุหมักประเภทไขมันมีปริมาณมากท า
ให้การย่อยสลายเกิดขึ้นได้ยาก
7) ปริมาณธาตุอาหารหลัก พบว่า ปริมาณไนโตรเจนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นสุดการหมักในปุ๋ย
หมักกากตะกอนร่วมกับเศษผัก และปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับเศษผักและกากไขมัน เนื่องมาจากการใช้
ไนโตรเจนเป็นแหล่งอาหารในการสร้างเซลล์จุลินทรีย์ ส่วนปุ๋ยหมักกากตะกอนร่วมกับกากไขมันเมื่อสิ้นสุด
การหมักมีแนวโน้มลดลง เนื่องมาจากกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ส่งผลให้พีเอชเพิ่มขึ้นท าให้เกิด
การสูญเสียไนโตรเจนจากการสร้างเซลล์จุลินทรีย์ได้
ปริมาณฟอสฟอรัสทั้งหมด พบว่า เมื่อสิ้นสุดการหมักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเห็นได้ว่า ปุ๋ยหมัก
กากตะกอนร่วมกับกากไขมัน มีปริมาณฟอสฟอรัสต่ าที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยศึกษาการย่อยสลาย
กากไขมันโดยการท าปุ๋ยหมัก พบว่า คุณภาพปุ๋ยหมักมีปริมาณฟอสฟอรัสต่ ากว่ามาตรฐาน เมื่อท าการเติม