Page 44 - ผลสำเร็จของการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริโครงการพัฒนาลุ่มน้ำพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่ต้นน้ำน้ำหนาว
P. 44
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
31
ภรภัทร และคณะ (2559) ได้ทดลองเชิงสาธิตและการยอมรับการใช้หญ้าแฝกและพืชอนุรักษ์
ร่วมกับข้าวโพดแบบเกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบอนุรักษ์ดินและน้ าที่เหมาะสมในเขตพัฒนาที่ดินลุ่มน้ ากึ้น
ต าบลบ่อแก้ว อ าเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน พบว่า วิธีการที่มีคันคูรับน้ าขอบเขาร่วมกับแถบหญ้าแฝก และ
วิธีการที่มีคันคูรับน้ าขอบเขาร่วมกับแถบหญ้าแฝกร่วมกับปลูกถั่วพุ่มด าเหลื่อมฤดู ท าให้ความหนาแน่น
รวมของดินลดลงจาก 1.30 เป็น 1.22 และจาก 1.35 เป็น 1.20 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ส่วนวิธีที่ไม่มี
ระบบอนุรักษ์ดินและน้ าท าให้ความหนาแน่นรวมของดินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้วิธีการที่มีคันคูรับน้ าขอบเขา
ร่วมกับแถบหญ้าแฝกยังสามารถป้องกันการสูญเสียดินได้เป็นอย่างดี โดยเฉลี่ย 3 ปีวิธีการดังกล่าวมี
ปริมาณการสูญเสียดินต่ าสุด 456.02 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่วิธีที่ไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ าปริมาณการ
สูญเสียดินสูงสุด 680.11 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้เกษตรกรยอมรับวิธีการที่มีคันคูรับน้ าขอบเขาร่วมกับ
แถบหญ้าแฝกร่วมกับปลูกถั่วพุ่มด าเหลื่อมฤดูในแปลงข้าวโพดทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดมีแนวโน้ม
สูงขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายถั่วพุ่มด า
กมลทิพย์ และคณะ (2559) ได้ศึกษาระบบการปลูกพืชเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ าที่เหมาะสมใน
ชุดดินปราณบุรีเพื่อการผลิตสับปะรดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่า การปลูกหญ้าแฝกสายพันธุ์สงขลา
3 จ านวน 3 แถบ แถบละ 2 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างแถบ 1 เมตร มีปริมาณการสูญเสียดินต่ าสุด
490.64 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนวิธีเกษตรกร (ไถพรวนตามความลาดเท) มีปริมาณการสูญเสียดินสูงสุด
766.80 กิโลกรัมต่อไร่ และพบว่า สับปะรดที่ปลูกร่วมกับแถบหญ้าแฝกให้ผลผลิตสูงสุดเท่ากับ 13,197
กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนวิธีการปลูกถั่วมะแฮะแถบกว้าง 60 เซนติเมตร ให้ผลผลิตต่ าสุดเท่ากับ 8,863 กิโลกรัม
ต่อไร่
2.9 การปรับปรุงบ ารุงดิน
การขุดถมดินในการจัดท าระบบอนุรักษ์ดินและน้ าโดยมาตรวิธีกลท าให้หน้าดินที่ใช้เพาะปลูก
ถูกเคลื่อนย้าย ท าให้โครงสร้างดินถูกท าลาย ดินจึงไม่เหมาะสมส าหรับปลูกพืช ดังนั้นก่อนเพาะปลูก
จ าเป็นต้องมีการปรับปรุงบ ารุงดิน เช่นเดียวกับการปลูกพืชซ้ าในดินเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มี
การปรับปรุงบ ารุงดิน จะท าให้ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ไปอย่างรวดเร็ว ดินจะแข็ง ไม่ร่วนซุย ดูดซับ
น้ าและธาตุอาหารได้น้อยลง และที่ส าคัญคือจะท าให้การใช้ปุ๋ยเคมีไม่ได้รับผลดีเท่าที่ควร การใช้ปุ๋ยเคมีที่
ได้ผลจะต้องใช้ควบคู่ไปกับการปรับปรุงบ ารุงดิน หากใช้ปุ๋ยเคมีแต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการปรับปรุง
บ ารุงดินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะท าให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ท าให้ผลผลิตลดลง ต้องใช้ปุ๋ยเคมีมาก
ขึ้น เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น การปรับปรุงบ ารุงดินท าได้โดยการเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน
ซึ่งจะท าให้ได้รับประโยชน์ ดังนี้ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2553)
1) ประโยชน์ของการปรับปรุงบ ารุงดิน
(1) ท าให้ดินจับตัวกันเป็นก้อนเล็ก ๆ ร่วนซุยไถพรวนง่าย ระบายน้ าและอากาศได้ดี
รากพืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี
(2) ท าให้ดินทนทานต่อการชะล้างดีขึ้น
(3) ท าให้ดินอุ้มน้ าได้มากขึ้นและลดการระเหยน้ าออกจากดิน