Page 85 - การวิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและคุณภาพที่ดินสำหรับการวางแผนการใช้ที่ดินระดับลุ่มน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาลำเชิงไกร
P. 85
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
68
ด้วยแนวเส้นสันปันน้้าที่เริ่มตรงจุดไหลออกของลุ่มน้้าแล้วแผ่ครอบคลุมทั้งสองด้านของล้าน้้าไปจนถึง
ต้นน้้าล้าธาร ขนาดของพื้นที่ลุ่มน้้าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเลื่อนจุดไหลออกไปทางท้ายน้้า จนในที่สุด
พื้นที่ลุ่มน้้าจะใหญ่ที่สุดที่จุดไหลออกสู่ทะเลขนาดของล้าน้้าและลุ่มน้้าสามารถจัดล้าดับจากเล็กไปหาใหญ่
ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับลักษณะการไหลของน้้าในล้าน้้า
3.6.2 การจัดแบ่งลุ่มน ้าในประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2552)
ได้จัดแบ่งลุ่มน้้าออกเป็น 3 ขนาด คือ
1) ลุ่มน้้าขนาดใหญ่ เป็นหน่วยพื้นฐานของทรัพยากรน้้า และสิ่งแวดล้อม เพื่อการ
วางแผนระดับประเทศ ส่วนใหญ่เป็นลุ่มน้้าล้าดับที่ 7 ขึ้นไป หรือบริเวณพื้นที่ลุ่มน้้าชายฝั่ง พื้นที่
ประเทศไทยสามารถแบ่งเป็นลุ่มน้้าขนาดใหญ่ได้ 25 ลุ่มน้้า
2) ลุ่มน้้าขนาดกลาง มีพื้นที่ประมาณ 1,000 - 5,000 ตารางกิโลเมตร เหมาะส้าหรับการ
วางแผนระดับจังหวัด โดยทั่วไปมีล้าน้้าหลักเป็นล้าน้้าล้าดับที่ 5 และ 6 เกิดจากลุ่มน้้าขนาดเล็กหลายลุ่ม
น้้ามารวมกัน ดังนั้น การพัฒนาลุ่มน้้าของจังหวัด จึงเป็นการพัฒนาลุ่มน้้าขนาดกลาง
3) ลุ่มน้้าขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 200 - 400 ตารางกิโลเมตร หรือมีหมู่บ้านประมาณ
40 - 50 หมู่บ้าน จะมีล้าน้้าสายหลักเป็นล้าน้้าล้าดับที่ 4 ลุ่มน้้าขนาดเล็กเหมาะกับการวางแผนพัฒนา
แหล่งน้้าระดับอ้าเภอ
3.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในการวิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและคุณภาพที่ดินส้าหรับการวางแผนการใช้ที่ดินระดับ
ลุ่มน้้าในพื้นที่ลุ่มน้้าสาขาล้าเชิงไกร พบว่ามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการศึกษาข้อมูลด้านการประเมิน
ความเหมาะทางกายภาพ มีดังนี้
คณิต (2550) รายงานว่า การประเมินความเหมาะสมของที่ดิน ส้าหรับการปลูกหม่อน
ในอ้าเภอชะอ้า จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อเปรียบเทียบและหา
ความสัมพันธ์ของความต้องการของพืชกับศักยภาพของที่ดิน ปัจจัยที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ อุณหภูมิ
ปริมาณน้้าฝนเฉลี่ย ความลาดชันของพื้นที่ ความลึกของดิน การระบายน้้าของดิน และความอุดม
สมบูรณ์ของดิน การวิเคราะห์ใช้เทคนิคการซ้อนทับ (Overlay technique) ข้อมูลเชิงพื้นที่และการ
วิเคราะห์ข้อมูลคุณลักษณะ ด้วยวิธีการทางสถิติ เพื่อก้าหนดพื้นที่ซึ่งเหมาะสม ส้าหรับการปลูกหม่อน พบว่า
พื้นที่ที่ศึกษามีความเหมาะสมมาก สามารถใช้เป็นแนวทางในการวางแผนจัดการที่ดินเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ในการคัดเลือกพื้นที่ส้าหรับการปลูกหม่อน ในอ้าเภอชะอ้า จังหวัดเพชรบุรี ได้ต่อไป
ชัยสงคราม และคณะ (2554) รายงานว่า การหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักอยาง
มีประสิทธิภาพ จะต้องมีข้อมูลเพื่อน้ามาประเมินตามวิธีการองคการอาหารและเกษตรแหงสหประชา
ชาติ (FAO, 1976) ขอมูลที่ใชประเมิน ดานกายภาพ คือ แผนที่ดิน แผนที่การระบายน้้าของดิน แผน
ที่สภาพการใชที่ดิน แผนที่ประเภทปาไม แผนที่ ภูมิอากาศ แผนที่ความลาดชันของพื้นที่แผนที่
ปริมาณการชะลางพังทลายของดิน และขอมูลที่ใชประเมินดานเศรษฐกิจสังคมที่ไดจากสัมภาษณ
เกษตรกร โดยใชระบบสารสนเทศภูมิศาสตรในการประเมินความเหมาะสม ผลการศึกษา พบวามัน
ส้าปะหลังมีชั้นความเหมาะสมปานกลาง และเล็กนอยขอจ้ากัดสวนใหญ ไดแก ปริมาณฝนในชวงปลูก
มากเกินไป และคาปฏิกิริยาดินเปนกรดจัด สวนออยโรงงานมีชั้นความเหมาะสมปานกลางและเล็กนอย ขอจ้ากัด