Page 13 - การจัดการปุ๋ยหมักและปุ๋ยชีวภาพร่วมกับน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตมะละกอฮอลแลนด์ในดินทราย
P. 13

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน





                                                                                                         4


                       เพิ่มขึ้นเท่ากับ 43.50 13.90 และ 72.70 กรัมต่อตารางเมตร  ตามล าดับ  โดยเฉพาะไนโตรเจนและ
                       ฟอสฟอรัสที่ข้าวน าไปใช้ในการเจริญเติบโตมากที่สุด  เปรียบเทียบกับการใส่ปุ๋ยเคมีในปีแรกการดูดใช้
                       ไนโตรเจน  และฟอสฟอรัสเท่ากับ 53.60 และ 8.50 กรัมต่อตารางเมตร  เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 การดูดใช้มี
                       ปริมาณไม่แตกต่างกับปีแรกเท่ากับ 65.20 และ 10.60 กรัมต่อตารางเมตร  ส่วนการดูดใช้

                       โพแทสเซียมจากการใส่ปุ๋ยเคมีจะลดลงจาก 89.3 เป็น 48.9 กรัมต่อตารางเมตร
                              นอกจากนี้  การใช้ปุ๋ยหมักยังมีปริมาณธาตุแคลเซียมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของราก  ผล
                       และใบ  รวมถึงแมกนีเซียมจะมีผลในการเจริญเติบโตของรากและใบเช่นกัน  การเพิ่มอินทรียวัตถุลง
                       ไปในดินทรายท าเกิดให้ช่องว่างในเม็ดดิน  เกิดการหมุนเวียนอากาศในดินทรายดีขึ้น  ท าให้ระบบราก

                       พืชสามารถแผ่กระจายในดินได้อย่างกว้างขวาง (ส านักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน, 2551)
                              2.3 การปรับปรุงสมบัติทางชีวภาพดินทราย
                                  การใช้ปุ๋ยหมักจะส่งเสริมการเจริญเติบโตและปริมาณของจุลินทรีย์ดิน  โดยเฉพาะ
                       จุลินทรีย์ปลดปล่อยไนโตรเจน  และฟอสฟอรัส  ตลอดจนกิจกรรมการผลิตเอนไซม์ที่หมุนเวียนเป็น

                       วัฏจักรอยู่ในดิน  ทั้งนี้  ปุ๋ยหมักจะมีออร์แกนิกคาร์บอนที่จุลินทรีย์สามารถน าไปใช้ในการสร้าง
                       พลังงาน  การหายใจ  การสร้างเอนไซม์  จากรายงานของ Chocano et al. (2016)  ศึกษาการใช้ปุ๋ย
                       หมักชนิดต่างๆ ในการปลูกต้นพลัมภายใต้สภาพดินทราย  ระยะเวลา 6  ปี  พบว่าการใช้ปุ๋ยหมัก

                       มูลแกะอัตรา 32 กิโลกรัมต่อต้น  มีอินทรียวัตถุ 49.75 กรัมต่อดิน 100 กรัม  ปริมาณไนโตรเจน 2.72
                       กรัมต่อดิน 100  กรัม  สามารถเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์มากที่สุด  จากการวัดกิจกรรมจุลินทรีย์  ได้แก่
                       การหายใจของจุลินทรีย์  การสร้างพลังงาน  และเอนไซม์ปลดปล่อยธาตุอาหารมีความแตกต่างอย่าง
                       มีนัยส าคัญทางสถิติ  ส่งผลให้ต้นพลัมมีผลผลิตมากที่สุดเมื่อสิ้นสุดการทดลอง   จากรายงานของ
                       Rivera – Cruze et al. (2008) ศึกษาการใช้ปุ๋ยชีวภาพจากมูลไก่  และวัสดุเหลือใช้จากกล้วย  โดย

                       ใช้เชื้อแบคทีเรีย  Azospirillum  sp.  Azotobacter  sp. ตรึงไนโตรเจน  และแบคทีเรียละลาย
                       ฟอสฟอรัส  โดยมีปริมาณการใช้ 1  2  3  และ 4  เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับปุ๋ยหมักมูลไก่  และ
                       ปุ๋ยหมักจากวัสดุเหลือใช้จากกล้วยอัตรา 10 กิโลกรัมต่อต้น  หลังทดสอบ 6 เดือน  พบว่า  การใช้ปุ๋ย

                       ชีวภาพ 4  เปอร์เซ็นต์  เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ Azospirillum  sp. Azotobacter  sp. ตรึงไนโตรเจน
                                                                                                    3
                                                                                       4
                       และแบคทีเรียละลายฟอสฟอรัสมากที่สุด  มีปริมาณเชื้อเท่ากับ 22.5  x  10   62.1  x  10   และ
                                3
                       27.3  x10   เซลล์ต่อกรัมดินแห้ง  ตามล าดับ  สร้างกิจกรรมการผลิตเอนไซม์  การปลดปล่อยธาตุ
                       อาหาร  การเจริญเติบโตของก้านใบและรากได้สูงสุด  เปรียบเทียบกับปุ๋ยหมัก 2  ชนิด  มีปริมาณ

                       จุลินทรีย์ Azospirillum sp. Azotobacter sp. ตรึงไนโตรเจน  และแบคทีเรียละลายฟอสฟอรัส  มี
                                                              3
                                                                                       3
                                                                         3
                       ปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ต่ าที่สุดเท่ากับ 14.2  x  10   2.9  x  10   และ 0.3  x10   เซลล์ต่อกรัมดินแห้ง
                       ตามล าดับ  มีกิจกรรมการผลิตเอนไซม์  การปลดปล่อยธาตุอาหาร  การเจริญเติบโตของก้านใบและ
                       รากต่ าที่สุด
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18