Page 20 - การศึกษาลักษณะและสมบัติของดินเพื่อวินิฉัยคุณภาพดินด้านปฐพีกลศาสตร์ในดินตัวแทนหลัก 41 ชุดดินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
P. 20
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
7
4) ค่าดัชนีพลาสติก (plasticity index: PI) คือ ความแตกต่างระหว่างระดับความชื้นที่ขีดจํากัด
ของเหลวกับขีดจํากัดพลาสติก หรือความแตกต่างระหว่างระดับความชื้นที่ขีดจํากัดบนพลาสติกกับขีดจํากัดล่าง
พลาสติก ดัชนีพลาสติกเป็นค่าที่แสดงถึงความเหนียวของดิน และยังแสดงความไวต่อการเปลี่ยนสถานภาพต่อ
ความชื้นของมวลดินนั้น จึงเป็นค่าที่สําคัญในการจําแนกมวลดิน เป็นช่วงของปริมาณความชื้นที่ดินมีสภาพ
พลาสติก เปลี่ยนรูปร่างได้โดยไม่เกิดรอยแยกแตกร้าว ดินที่มีค่าดัชนีพลาสติกสูงแสดงว่าเป็นดินที่มีปริมาณดิน
เหนียวอยู่มาก จะมีการทรุดตัวค่อนข้างสูงและเป็นการทรุดตัวที่ขึ้นกับเวลา เป็นค่าที่ใช้ในการคาดคะเนถึง
ความสามารถในการคงตัวหรือเปลี่ยนสภาพของดิน จากสภาพชื้นเปลี่ยนเป็นของเหลวที่ไหลได้ง่าย เช่น ดินที่มี
ค่าดัชนีพลาสติกเท่ากับ 5 เมื่อดูดน้ําเข้าไปเล็กน้อยก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวได้ง่าย ส่วนดินที่มีค่าดัชนี
พลาสติกเท่ากับ 20 จะต้องดูดน้ําเข้าไปมากกว่าจึงจะเปลี่ยนเป็นของเหลว
วิธีหาค่าดัชนีพลาสติก PI = LL – PL (1)
สุวณี (2538) วิเคราะห์ค่าขีดจํากัดของเหลวและค่าดัชนีพลาสติกของดินในประเทศไทย พบว่า
ดินทราย (s) และดินทรายปนดินร่วน (ls) ไม่มีค่าขีดจํากัดของเหลวและค่าดัชนีพลาสติก ดินเหนียว (c) มีค่า
ขีดจํากัดของเหลวอยู่ในช่วง 30 - 91 และค่าดัชนีพลาสติกอยู่ในช่วง 5 - 55 ส่วนดินปนชิ้นส่วนหยาบ (gravel)
มีค่าขีดจํากัดของเหลวอยู่ในช่วง 18 - 70 และค่าดัชนีพลาสติกอยู่ในช่วง 4 - 48 สรุปความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อดิน
กับค่าขีดจํากัดของเหลวและค่าดัชนีพลาสติก ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อดินกับค่าขีดจํากัดของเหลวและค่าดัชนีพลาสติก
เนื้อดิน ค่าขีดจํากัดของเหลว ค่าดัชนีพลาสติก
ดินทราย (s) - -
ดินทรายปนดินร่วน (ls) - -
ดินร่วนปนทราย (sl) 12 - 39 1 - 18
ดินร่วน (l) 22 - 43 3 - 13
ดินร่วนปนทรายแป้ง (sil) 22 - 73 5 - 48
ดินร่วนเหนียวปนทราย (scl) 13 - 38 5 - 16
ดินร่วนเหนียว (cl) 24 - 58 4 - 26
ดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง (sicl) 13 - 78 9 - 49
ดินเหนียวปนทราย (sc) 23 - 64 13 - 35
ดินเหนียวปนทรายแป้ง (sic) 27 - 86 10 - 54
ดินเหนียว (c) 30 - 91 5 - 55
ดินปนชิ้นส่วนหยาบ (gravel) 18 - 70 4 - 48
เฉลียว (2530) รายงานว่าการใช้ประโยชน์ของดินในงานด้านวิศวกรรมสามารถแบ่งการใช้
ประโยชน์ออกเป็น 2 ประเภท คือ การนําไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้างหรือวัสดุโครงสร้าง (structural material)
และใช้เป็นฐานรองรับวัสดุก่อสร้าง (foundation material) ในการที่วิศวกรจะเลือกดินมาใช้ประโยชน์ในงาน