Page 22 - ศึกษาการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา และปูนโดโลไมท์ต่อการควบคุมปริมาณเชื้อราไฟทอฟธอราของปุ๋ยหมักเปลือกทุเรียน
P. 22
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
11
3.3.4 ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของปุ๋ยหมัก เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการย่อยสลาย เช่น
กรดอินทรีย์ หรือแอมโมเนียที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ความเป็นกรดเป็นด่างของปุ๋ยหมักที่เหมาะสมต่อการน าไปใช้
คือ 5.5-8.5
3.3.5 อัตราส่วนระหว่างคาร์บอนต่อไนโตรเจน เป็นสมบัติที่บ่งชี้ถึงความสมบูรณ์ของ
การย่อยสลาย และเป็นปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพจะต้องมีค่าอัตราส่วนระหว่างคาร์บอนและไนโตรเจนไม่เกิน 20:1
3.3.6 ค่าการน าไฟฟูา เป็นค่าที่วัดเพื่อแสดงถึงความเค็มของเกลือที่ละลายในน้ าในปุ๋ยหมัก
ค่าการน าไฟฟูาไม่ควรเกิน 10 เดซิซีเมนต์ต่อเมตร
3.3.7 ปริมาณของธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารหลักโดยปริมาณธาตุอาหารหลักรวมกันต้อง
ไม่ต่ ากว่าร้อยละ 2 ประกอบด้วย ไนโตรเจนทั้งหมด (total N) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ส่วนฟอสฟอรัสทั้งหมด
(total P) และโพแทสเซียมทั้งหมด (total K) ธาตุละไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.5 โดยน้ าหนัก
3.3.8 ปริมาณกรวด ก าหนดปริมาณไว้ไม่ควรเกินร้อยละ 2 โดยน้ าหนัก
4. ปูนโดโลไมท์
เป็นแร่ที่เกิดจากหินตะกอนของแคลเซียมและแมกนีเซียมทับถมกันมีสีต่างๆ กัน เช่น เทา ชมพู ขาว
มีลักษณะคล้ายแร่คัลไซต์แต่ละลายเกลือได้น้อยกว่า มีสูตรเคมี คือ CaMg(CO ) มีส่วนประกอบทางเคมี
3 2
แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO ) ร้อยละ 54.95 แมกนีเซียมคาร์บอเนต ( MgCO ) ร้อยละ 45.65 หรือ
3
3
แมกนีเซียมออกไซด์ (MgO) ร้อยละ 21.7 แคลเซียมออกไซด์ (CaO) ร้อยละ 30.42 และ คาร์บอนไดออกไซด์
(CO ) ร้อยละ 47.9 และข้อก าหนดการน าปูนไปใช้ภายในประเทศเพื่อการเกษตร และผลิตหินเกล็ดควร
2
ประกอบด้วย แมกนีเซียมออกไซด์ ร้อยละ 21 และ แคลเซียมออกไซด์ ร้อยละ 31 โดยทั่วไปเป็นปูนที่มักเป็น
แร่ที่เกิดปะปนมากับหินปูนประเภท limestone มีปริมาณแมกนีเซียมแตกต่างกันออกไป หินโดโลไมท์บด
ใช้เป็นวัสดุปรับปรุงดินได้ดี นอกจากจะช่วยปรับระดับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เพิ่มขึ้นได้แล้ว ยังให้
ธาตุอาหารพืชทั้งแคลเซียม และแมกนีเซียมอีกด้วย ซึ่งมีค่าสมมูลแคลเซียมคาร์บอเนตอยู่ระหว่าง 80-100
(เจริญ และรสมาลิน, 2542) จากรายงานของกรมพัฒนาที่ดินพบว่าปูนช่วยเพิ่มและส่งเสริมกิจกรรมของ
จุลินทรีย์ดินที่มีประโยชน์ต่อพืช เช่น จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายอินทรียวัตถุสามารถด าเนินกิจกรรมได้ตามปกติ
ที่ระดับความเป็นกรดอ่อนหรือเป็นกลาง และการใส่ปูนจะช่วยลดการเกิดอาการโรครากเน่าโคนเน่าของพืช
ปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้ได้ประมาณ 6.5-7.0 ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่เหมาะสมต่อการด ารงชีวิตของ
เชื้อราสาเหตุโรคพืช (จุมพล และอรพรรณ, 2535) ซึ่งการใส่ปูนขาวและปูนโดโลไมท์ร่วมกับการท าปุ๋ยหมัก ช่วย
ปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างให้สูงขึ้น มีค่าอยู่ระหว่าง 5.5-8.0 ช่วยเพิ่มธาตุอาหารให้เหมาะสมต่อกิจกรรม
ของจุลินทรีย์ในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ (สมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย, 2542)