Page 113 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 113
108
ในทางตรงกันขามหนาดินที่อยูในสภาพวางเปลา เม็ดฝนที่ตกกระทบรุนแรง ทําใหเม็ดดินกระจายออกจาก
กัน การชะพังทลายจึงเกิดขึ้น พืชยังเปนตัวการสําคัญในการขวางกั้นชะลอความเร็วของการไหลบาที่เกิดจาก
น้ําฝนใหชาลง ลดการพัดพาเอาเม็ดดิน เนื้อดิน และธาตุอาหารในดินใหสูญหายไปเพียงเล็กนอยเทานั้น
อยางไรก็ตาม พืชชนิดตาง ๆ มีประสิทธิภาพในการปองกันการชะพังทลายไมเทากัน พืชที่ขึ้นคลุมดินได
หนาแนน และมีปริมาณอินทรียวัตถุอยูมาก ยอมปองกันการชะพังทลายของดินดีกวาพืชที่ขึ้นคลุมดินบางๆ
และมีอินทรียวัตถุนอย ในบรรดาพืชทั้งหลาย หญาที่เจริญเติบโตแผเลื้อยคลุมดินไดดีและเร็ว ยอมมี
ประสิทธิภาพในการปองกันการชะพังทลายดีกวาพืชชนิดอื่น ๆ การทดลอง (5) ไดพบวาหญาที่ปลูกขึ้นได
อยางหนาแนน ยอมใหมีการสูญเสียดินเพียง 0.34 ตันตอเอเคอรตอป เปรียบเทียบกับขาวโพดที่ปลูก
หมุนเวียนกับพืชตระกูลถั่ว มีการสูญเสียดิน 2.78 ขาวสาลี 10.10 ขาวโพด 19.72 และดินวางเปลามีการ
สูญเสียปริมาณสูงสุด 41.64 ตันตอเอเคอรตอป นอกจากนี้ ยังพบอีกวา การปลูกหญาคลุมดินชวยลดปริมาร
การไหลบาของน้ําฝนบนผิวดินใหเหลือเพียง 12 เปอรเซ็นต ในขณะที่ในแปลงปลูกขาวโพดหมุนเวียนกับพืช
ตระกูลถั่ว มีปริมาณน้ําไหลบา 13.8 เปอรเซ็นต ขาวสาลี 23.3 ขาวโพด 29.4 และดินวางเปลาที่ไถดินลึก 4
นิ้ว ปริมาณน้ําฝนไหลบามากที่สุด 30.7 เปอรเซ็นตของปริมาณน้ําฝนที่ตกทั้งหมด จากผลการทดลองนี้ ได
แสดงใหเห็นวาพืชสามารถปองกันการชะลางพังทลายของดินไดเปนอยางดี
(8) ปองกันการกัดเซาะบริเวณฝงแมน้ํา (Erosion control of river bank) แนวชายฝงแมน้ําลําธารที่
ปราศจากพืชขึ้นปกคลุม หรือมีพืชขึ้นปกคลุมไมหนาแนน น้ําฝนที่ไหลบาลงลําธารน้ํา และน้ําที่ไหลรวมกัน
เออทวมไปตามบริเวณชายฝงแมน้ําลําธารจะกัดเซาะเอาดินตามริมฝงน้ําใหพังทลายลง และพัดพาใหสูญ
หายไป การกัดเซาะนี้ถาหากมีความรุนแรงและเวลานานพอ ดินบนฝงแมน้ําลําธารจะพังทลายลงมา บางครั้ง
ทําความเสียหายใหกับสิ่งกอสราง และบานเรือนที่ตั้งอยูใกลริมฝงแมน้ํา การกัดเซาะและชะพังทลายดินริม
ฝงแมน้ําจะเกิดขึ้นเชนเดียวกันกับบริเวณรองน้ําลึก หรือทางระบายน้ําในไรนา น้ําจะไหลกัดเซาะริมชายฝง
รองน้ําใหพังทลายลงมา พืชหลายชนิดไดแก พืชตระกูลหญาและถั่ว ที่เจริญเติบโตเร็วและขึ้นไดแนนหนา มี
ระบบรากลึกที่ชวยยึดเหนี่ยวดิน และมีลําตนที่แนนทึบชวยตานทานการไหลของน้ําในแมน้ําลําธาร ชวยลด
การกัดเซาะและกัดกรอนดินตามบริเวณชายฝงแมน้ําลําธาร และรองน้ําลึกในไรนา อาทิ หญาเนเปยร แขม
และไมยราบยักษ เปนตน
(9) เปนแนวบังลม (Plants as wind break) ในพื้นที่บางแหงมีลมพัดแรง ความรุนแรงของลมพัด
โดยเฉพาะในชวงตนฤดูรอน อาจทําความเสียหายใหกับพืชพรรณ พืชไร คอกสัตวเลี้ยง และโรงเรือนตาง ๆ
ในฟารม การใชพืชปลูกเปนแนวกันลม ขวางทิศทางลมพัดใหมีจํานวนตั้งแตสองแนวขึ้นไป โดยใชพืช
จําพวกไมยืนตนปลูกในระยะความถี่ที่เหมาะสม สามารถแกปญหาและความเสียหายในไรนาจากลมพายุพัด
ทําลายไดเปนบริเวณกวาง นอกจากนี้ ใบพืชที่รวงหลนทับถมลงบนดิน จะชวยคลุมดินปองกันไมใหลมพัด
หอบเอาอนุภาคของดินพื้นผิวลอยไปกับลมสูที่อื่น ซึ่งเปนการสูญเสียดินอีกวิธีหนึ่ง มักจะเกิดขึ้นในบริเวณ
พื้นที่แหงแลงหรือคอนขางแหงแลง และมีลมพัดแรง พืชที่นิยมปลูกเปนแนวกันลมไดแก กระถินยักษ
(Leucaena Leucoce phala Lam de Wit.) แคบาน (Sesbania grandiflora Poir) กระถินณรงค (Acacia