Page 111 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 111
106
ที่มีพืชขึ้นปกคลุมการระเหยน้ําจากดินมีเพียงเล็กนอยมากจึงไมปรากฏเกลือไวเหนือผิวดิน ดินที่มีพืชขึ้นปก
คลุม แมวาจะมีการคายน้ําทางใบ แตเปนการระเหยน้ําที่มีปริมาณนอยกวา เมื่อเปรียบเทียบกับการระเหยน้ํา
ทั้งหมดบนผิวดินและใบพืชรวมกัน (Evapotranspiration) การคายน้ําทางใบ (Transpiration) นั้นชวยใหเกิด
ความชุมชื่นในบริเวณและชวยใหการระเหยน้ําจากดินลดนอยลง ดังนั้น บริเวณที่มีพืชขึ้นหนาแนน ความชื้น
ในดินถูกระเหยไปชากวาจึงมีความชุมชื่นดีกวาบริเวณที่ไมมีพืชหรือเศษพืชปกคลุม
(2) เพิ่มประสิทธิภาพในการอุมน้ําของดิน พืชที่เจริญเติบโตบนดิน เมื่อแหงตายลง สวนตาง ๆ ของ
พืชที่เนาเปอยสลายตัวกลายเปนอินทรียวัตถุ (Organic matter) ดินบริเวณใดมีพืชขึ้นอยูอยางหนาแนน มวล
ชีวะ (Biomass) ยอยมีมากจึงทําใหปริมาณอินทรียวัตถุในดินนั้นมีมากดวย อินทรียวัตถุมีคุณสมบัติดีเดน
หลายประการ นอกเหนือจากมีปริมาณธาตุไนโตรเจน และธาตุอาหารอื่น ๆ แลว ยังชวยทําใหความสามารถ
ในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (Cation exchange capacity) ของดินสูงดินมีความโปรง รวนซุย และมีรูพรุน
(Pore space) มาก เมื่อมีฝนตกลงมาสามารถดูดซึบน้ําและอุมน้ําไวในดินเปนปริมาณสูง และคงอยูในดินได
นานวัน พืชที่ปลูกในดินดังกลาวนี้จะเจริญงอกงามดี แตกตางกับดินที่มีพืชขึ้นอยูนอย สภาพดินคอนขาง
แนนทึบ ไมโปรงรวนซุย การอุมน้ําไมดี เมื่อมีการปลูกพืชหลักลงไป ความชื้นในดินมักหมดไปอยางรวดเร็ว
พืชที่ปลูกจะแสดงอาการเหี่ยวเฉาเร็ว และเจริญเติบโตไมเต็มที่
(3) ชวยสกัดกั้นน้ําฝน (Rainfall interception) ในขณะฝนตกทุกครั้ง เม็ดฝนตกกระทบที่ผิวดินและ
ทําใหดินบนแตกกระจาย พืชที่เจริญเติบโตบนดินทําหนาที่ในการสกัดกั้นและรับน้ําฝนที่ตกลงมากอนถึง
พื้นดิน แลวตอยๆ ใหน้ําฝนไหลผานลําตนซึมลงสูผิวดินอยางชา ๆ ลดปริมาณน้ําไหลบานอยลง พืชแตละ
ชนิดมีความสามารถในการสกัดกั้นและดูดซับน้ําฝนไดไมเหมือนกัน ขึ้นอยูกับปริมาณและความหนาแนน
ของพืช มีรายงานพบวา ขาวโพดที่ปลูกในอัตราความหนาแนน 12,700 ตนตอเอเคอร ดูดซับน้ําฝนได 60.7
เปอรเซ็นต ของปริมาณน้ําฝนที่ตกลงมาทั้งหมด เมื่อเพิ่มความหนาแนนเปน 25,000 ตัน/เอเคอร สามารถดูด
ซับน้ําฝนได 44.5 เปอรเซ็นต ขณะเดียวกัน ถั่วเหลืองที่ปลูกในอัตราความหนาแนนเชนเดียวกันกับขาวโพด
ดูดซึมน้ําฝนได 78.2 และ 64.3 เปอรเซ็นต ตามลําดับ การทดลองเปรียบเทียบพืชตระกูลถั่วกับขาวโพด พบวา
ถั่วอัลฟลฟา สามารถดูดซับน้ําฝนได 35.8 เปอรเซ็นต ของปริมาณฝนตกทั้งหมด 10.8 นิ้ว ในขณะที่ขาวโพด
ดูดซับได 15.5 เปอรเซ็นต จากปริมาณน้ําฝนทั้งหมด 7.1 นิ้ว และขาวโอดดูดซับน้ํา 6.9 เปอรเซ็นต ของ
ปริมาณฝนตกทั้งหมด 6.8 นิ้ว โดยทั่วๆ ไปการดูดซึบน้ําฝนของตนพืชที่มีความหนาแนนทางลําตน และมี
ปริมาณใบมาก เฉพาะอยางยิ่งพืชคลุมดินสมารถดูดซับน้ําฝนไดมากกวาพืชที่มีปริมาณใบคอนขางนอย
(4) ชวยการระบายน้ําในดิน (Facilitate of internal drainage) การระบายน้ําในดินนี้หมายถึงการ
ระบายน้ําที่เปนปริมาณสวนลึกของดิน จนถึงระดับน้ําใตดิน พืชที่เจริญเติบโตบนดิน รากของพืชชอนไชไป
ตามดานขาง และความลึกของดิน เพื่อดูดธาตุอาหารขึ้นไปยังสวนตางๆ ของพืช อยางไรก็ตาม พืชจําพวก
หญาและถั่วมีบทบาทอยางมากเกี่ยวกับการระบายน้ําของดิน โดยเฉพาะหญาซึ่งมีระบบรากฝอยที่สามารถ
หยั่งลึกลงในดินถึง 180 เซนติเมตร หรือมากกวา และรากของหญายังมีปริมาณมากดวย จากการเปรียบเทียบ
น้ําหนักแหงของรากหญาในพื้นที่ตางๆ กัน พบวา ปริมาณของรากหญามีน้ําหนักตั้งแตนอยกวา 1 ตัน จนถึง