Page 107 - หลักการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในเขตพัฒนาที่ดิน
P. 107
102
10.12. หลักของการใหน้ําแกพืช
ในการกําหนดการใหน้ําแกพืชเพื่อใหพืชเจริญเติบโตและใหผลตอบแทนสูงนั้น จะตองคํานึงถึงวา
เมื่อไรจึงจะควรใหน้ําแกพืชและใหเปนปริมาณเทาใด ซึ่งในทางปฏิบัติจะตองคํานึงถึงปจจัยที่กําหนด 3
ประการคือพืช ดินและน้ํา ดังนี้คือ
10.12.1. ปริมาณน้ําที่พืชตองการที่ชวงเวลาตาง ๆ ตลอดอายุพืช
10.12.2. ความสามารถในการอุมน้ําของดินในเขตรากพืช
10.12.3. ปริมาณของน้ําที่จะหามาทําการชลประทานได
การใหน้ําแกพืชปลูก นอกจากพิจารณาถึงคุณสมบัติของดินและความตองการของพืชที่ปลูกแลว
ปจจัยอื่นที่จะตองพิจารณารวมดวย คือ สภาพภูมิอากาศ เชน รังสีดวงอาทิตย อุณหภูมิ และความชื้น
บรรยากาศ และการจัดการเพาะปลูก เชน ฤดูกาลที่ทําการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว ความหนาแนนของพืชปลูก
และการใชปุย เปนตน
10.13. วิธีการใหน้ําแกพืชปลูก
การใหน้ําแกพืช สามารถปฏิบัติไดหลายวิธี แตการที่จะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งจะตองพิจารณาลักษณะ
ของภูมิประเทศ คุณสมบัติของดิน ลักษณะของพื้นที่ที่ไดเตรียมไว พืชที่จะปลูก วิธีการเพาะปลูก เงินทุน
ตลอดจนน้ําตนทุนที่จะนํามาใหแกพืช โดยทั่วไปวิธีการใหน้ํา แบงออกเปน 4 แบบใหญๆ ดวยกันคือ
10.13.1. การใหน้ําแบบฉีดฝอย (Sprinkler irrigation)
10.13.2. การใหน้ําทางผิวดิน (Surface irrigation)
10.13.4. การใหน้ําทางใตผิวดิน (Subsurface irrigation)
10.13.4. การใหน้ําแบบหยด (Drip irrigation)
10.13.1. การใหน้ําแบบฉีดฝอย การชลประทานแบบนี้ จะใหน้ําแกพืชโดยการฉีดน้ําจากหัวฉีดขึ้น
ไปในอากาศแลวใหหยดน้ําตกลงมาเปนฝอย โดยมีรูปทรงการแผกระกระจายของหยดน้ําสม่ําเสมอ และ
อัตราของน้ําที่ตกลงบนผิวดินมีคานอยกวาอัตราการซึมของน้ําผานผิวดิน ระบบชลประทานแบบฉีดฝอยแบง
ออกเปน 3 ประเภทดวยกัน คือ
(1) แบบติดตั้งอยูกับที่ (Permanent system)
(2) แบบเคลื่อนยายไดเพียงบางสวน (Se-miportable system)
(3) แบบเคลื่อนยายไดทั้งหมด (Portable system)
10.13.2. การใหน้ําทางผิวดิน การชลประทานแบบนี้ จะใหน้ําโดยการขังหรือปลอยใหน้ําไหลไป
บนผิวดินและซึมลงไปในดินตรงบริเวณที่มีรากพืช การใหน้ําทางผิวดินอาจแบงออกเปน 2 ลักษณะใหญ
ดวยกันคือ
(1) แบบใหน้ําทวมผิวดินเปนแปลงใหญ (Flooding)
(2) แบบใหน้ําทวมเฉพาะในรองคู (Furrow)