Page 28 - ศักยภาพการให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจของชุดดินในประเทศไทย ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย มันสำปะหลัง สับปะรด Productivity of Soil Series for Economic Crops in Thailand Rice Maize Sugarcane Cassava Pineapple
P. 28
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
- สามารถทนเค็มระดับความเค็มปานกลาง (การนำไฟฟ้า; EC = 4 dS m , ร้อยละของ
-1
เกลือ 0.25) ผลผลิตจะลดลงตามความเค็มของดิน คือ ลดลงร้อยละ 0 ที่ค่า ECe = 1.7 (dS m ), ลดลง
-1
ร้อยละ 10 ที่ค่า ECe = 2.5 (dS m ), ลดลงร้อยละ 25 ที่ค่า ECe = 3.8 (dS m ), ลดลงร้อยละ 50 ที่ค่า
-1
-1
ECe = 5.9 (dS m ) และ ลดลงร้อยละ 100 ที่ค่า ECe = 10 (dS m )
-1
-1
3) สภาพภูมิอากาศ
- ปลูกได้ตั้งแต่เขตอากาศอบอุ่น (temperate) เขตอากาศกึ่งร้อนชื้น (sub-tropic) และ
พื้นที่ราบเขตร้อน (lowland tropic) สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมที่กว้างขวาง ตั้งแต่เขตละติจูด 55
องศาเหนือ ถึง 40 องศาใต้
- อุณหภูมิที่ปลูกข้าวโพดได้มีช่วงกว้างระหว่าง 10-40 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงปลูก
ข้าวโพดได้ตลอดปี และเกือบทุกภาคของประเทศไทย โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตเฉลี่ย 25-35
องศาเซลเซียส ข้าวโพดสามารถทนอยู่ในช่วงสั้นๆ ที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส และที่อุณหภูมิมากกว่า 45
องศาเซลเซียส และมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้าลงเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงมาที่ 5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด
ที่ใช้ในการงอกของเมล็ดคือ 10 องศาเซลเซียส ผลผลิตจะเริ่มลดลงเมื่อมีอุณหภูมิตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียส
ขึ้นไป เนื่องจากมีผลกระทบต่อการผสมเกสรของข้าวโพด (ณรงค์ วุฒิวรรณ และอำนาจ จันทร์ครุฑ, 2549)
- แสงแดด ข้าวโพดเติบโตได้ในสภาพที่มีมีแสงแดดจัด ช่วงความยาวของแสงไม่ต่ำกว่า
10 ชั่วโมง และไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง
4) ความต้องการน้ำ
- ปลูกในพื้นที่ไร่ (อาศัยน้ำฝน) ต้องมีปริมาณการกระจายตัวของน้ำฝนสม่ำเสมอ
1,000-1,200 มิลลิเมตรต่อปี จะให้ผลผลิตที่สูง และช่วงการเจริญเติบโตต้องมีปริมาณการกระจายของน้ำฝน
350-400 มิลลิเมตร ต้องการน้ำตลอดฤดูปลูกประมาณ 450-500 มิลลิเมตร
- ปลูกในพื้นที่นา (ใช้น้ำชลประทาน) หลังเก็บเกี่ยวข้าว ต้องการน้ำ 720-800 ลูกบาศก์เมตร
ตลอดฤดู (ข้าวนาปรังใช้น้ำ 1,600 ลูกบาศก์เมตร)
ศักยภาพการให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจของชุดดินในประเทศไทย
Productivity of Soil Series for Economic Crops in Thailand | 24