Page 14 - ผลการปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพต่อปริมาณความชื้นและการแทรกซึมน้ำในดินปลูกมันสำปะหลัง Effect of Biochar for Soil Amendment on Moisture Content and Water Infiltration for Planting Cassava
P. 14
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
8
เท่ากัน วงแหวนรอบนอกจะป้องกันไม่ให้น้ำในแหวนวงในกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้างหลังจากที่ซึมลงไปก้นของ
แหวนวงใน อัตราที่น้ำจะต้องเติมลงไปในแหวนวงในเพื่อรักษาระดับของน้ำให้อยู่คงที่นั้นจะบอกให้ทราบถึงความจุ
ของการแทรกซึมโดยตรง
ภาพที่ 6 เครื่องวัดการแทรกซึมของน้ำผ่านผิวดินแบบถังคู่ (Double-ring infiltrometer)
ถ่านชีวภาพ (Biochar)
ถ่านชีวภาพ หรือ ไบโอชาร์ คือ ถ่านที่มีลักษณะเป็นเนื้อละเอียด และเต็มไปด้วยรูพรุน เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก
กระบวนการเผาไหม้ของชีวมวล ในสภาวะที่มีก๊าซออกซิเจนอย่างจำกัด (Sohi et al., 2009) ถูกให้ความร้อนผ่าน
กระบวนการย่อยสลาย ด้วยการให้ความร้อนทางเคมีเรียกว่า ไพโรไลซิส (Pyrolysis) ซึ่งเป็นกระบวนการการให้
ความร้อนที่นิยมใช้โดยจะเปลี่ยนชีวมวลที่ถูกให้ความร้อนในสภาวะที่ไม่มีอากาศให้กลายเป็นของแข็ง ของเหลว และ
ก๊าซ (Ozcimen and Karaosmanoglu, 2004) สามารถผลิตได้จากวัสดุจากธรรมชาติหลายชนิด เช่น ไม้ไผ่
กะลามะพร้าว ผลไม้ดิบ ซังข้าวโพด กะลาปาล์ม กากจากน้ำหมักชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดจะมีสมบัติทางเคมี
และกายภาพที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุและสภาวะของกระบวนการไพโรไลซิส
ความแตกต่างระหว่างถ่านชีวภาพ และถ่านทั่วไป (Charcoal) ถ่านที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง กรองน้ำ หรือดับกลิ่น ใช้
อุณหภูมิสูงกว่า 700 องศาเซลเซียส ขณะที่ถ่านชีวภาพใช้อุณหภูมิต่ำกว่า ทำให้ถ่านชีวภาพมีสารที่เป็นประโยชน์กับ
พืช สามารถกักเก็บคาร์บอนในดินและช่วยปรับปรุงสภาพทางกายภาพของดิน เนื่องจากคุณสมบัติของถ่านชีวภาพ
คือมีความเป็นรูพรุนสูงเมื่อใส่ลงในดินจะช่วยการระบายอากาศ การดูดซับความชื้น การอุ้มน้ำ ดูดยึดธาตุอาหาร เป็น
เสมือนแหล่งคาร์บอนขนาดใหญ่ในดิน เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ ลดความเป็นกรดของดิน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม
คุณภาพของปุ๋ยให้สูงขึ้น การใส่ถ่านชีวภาพลงดิน พบว่ามีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และปริมาณไนโตรเจน
ทั้งหมดเพิ่มขึ้น และยังช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนประจุแคตไอออนในดินถึง 40% (Glaser et al., 2002) ทำให้
ประหยัดการใช้ปุ๋ย ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเพิ่มผลผลิต
การปรับปรุงดินด้วยถ่านชีวภาพ
Oguntunde และคณะ (2004) ศึกษาผลของถ่านชีวภาพต่อสมบัติทางกายภาพของดินในประเทศกานา โดย
เปรียบเทียบดินที่ใส่และไม่ใส่ถ่านชีวภาพ พบว่าดินที่มีการใส่ถ่านชีวภาพมีค่าการนำน้ำของดินในสภาพที่อิ่มตัว
เพิ่มขึ้นถึง 88% สีของดินมีสีคล้ำขึ้น ค่าความหนาแน่นรวมของดินลดลง 9% มีค่าความพรุนรวมเพิ่มขึ้นจาก 45.7%
เป็น 50.6% ขณะที่ Asai และคณะ (2009) ศึกษาการใส่ถ่านชีวภาพในอัตรา 0-16 ตันต่อเฮกตาร์ เพื่อปรับปรุง