Page 34 - การประเมินคุณภาพดินเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ ทางการเกษตรที่มีอัตราการชะล้างพังทลายสูงโดยใช้เทคนิคนิวเคลียร์ จังหวัดกาญจนบุรี Assessing soil quality and enhance crop productivity through agriculture management using nuclear techniques in the area of erosion in Kanchanaburi province.
P. 34

ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน

                                                                                                       28


                          พื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกรที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ําที่ออกแบบโดยกรมพัฒนาที่ดิน  สามารถ
                   เรียงลําดับคาเฉลี่ย pH จากทุกระดับความลึกตามประเภทความลาดชันจากคาสูงสุดไปต่ําสุดได คือ Footslope >
                   Toeslope > Summit > Shoulder > Backslope ตามลําดับ พบคาเฉลี่ย pH สูงสุด ณ ตําแหนง Footslope

                   (เทากับ 5.85 5.69 และ 5.57 ที่ระดับความลึก 0 - 10 10 – 20 และ 20 – 30 เซนติเมตร ตามลําดับ)

                   ตารางที่ 5 คาเฉลี่ยความเปนกรดเปนดางของดิน (pH) ในพื้นที่ทดลอง เก็บขอมูลครั้งที่ 3 (เดือนสิงหาคม)

                                                              ความเปนกรดเปนดางของดิน (pH)
                    ระดับความลึกของดิน                                    (1:1)
                       (เซนติเมตร)      Toeslope  Footslope  Backslope  Shoulder  Summit  คาเฉลี่ย
                                           (TS)        (FS)        (BS)        (SH)       (SU)    (Mean)

                   (1) พื้นที่ปลูกพืชที่ไมมีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา
                   0 - 10                5.28          5.17        5.09        4.98       5.15     5.135
                   10 – 20               5.15          5.12        4.97        4.96       5.06     5.052
                   20 – 30               5.18          5.03        4.98        4.96       4.98     5.025
                   คาเฉลี่ย (Mean)      5.203         5.110       5.012       4.964      5.063    5.071
                   (2) พื้นที่ปาหรือพื้นที่ไมผลที่ไมมีการรบกวนหนาดิน (ใชสําหรับการอางอิงขอมูล calibration)

                   0 - 10                5.08          4.93        4.87        5.13       5.02     5.003
                   10 – 20               4.93          5.26        5.18        5.09       5.20     5.130
                   20 – 30               5.17          5.17        5.20        5.07       4.97     5.118
                   คาเฉลี่ย (Mean)      5.060         5.119       5.084       5.096      5.060    5.084
                   (3) พื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกรที่มีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ําที่ออกแบบโดยกรมพัฒนาที่ดิน

                   0 - 10                5.97          5.85        5.72        5.85       6.07     5.891
                   10 – 20               6.05          5.69        5.65        5.66       5.77     5.763
                   20 – 30               5.72          5.57        5.68        5.75       5.84     5.711
                   คาเฉลี่ย (Mean)      5.914         5.702       5.683       5.751      5.891    5.788


                          จากผลขอมูลคาเฉลี่ยความเปนกรดเปนดางของดิน (pH) ทุกชวงเวลา สามารถวิจารณไดวา การจัดการ
                   ดินและที่ดินมีผลตอการเปลี่ยนแปลงของคา pH อยางมีนัยสําคัญ กลาวคือ พื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกรที่มีการ
                   จัดระบบอนุรักษดินและน้ําที่ออกแบบโดยกรมพัฒนาที่ดิน  มีคา pH โดยเฉลี่ยสูงกวาพื้นที่อื่น ๆ โดยอยูในชวง
                   ของความเปนกรดเล็กนอยถึงปานกลาง ซึ่งเกิดจากการจัดการดินและปุยที่เหมาะสม ในขณะที่พื้นที่ปลูกพืชที่ไมมี

                   การจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา  ที่เกษตรกรมักจะปลอยหนาดินโลงในชวงที่ยังไมไดเพาะปลูกพืช พบวาคา pH
                   อยูในชวงความเปนกรดจัดไปจนถึงความเปนกรดรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นจากการสูญเสียความอุดมสมบูรณของดินโดย
                   ธรรมชาติและการจัดการดินที่ไมเหมาะสมโดยมนุษย ดังจะเห็นไดจากการที่พื้นที่ปายางพารา  ที่ปลูกมามากกวา
                   5 ป และไมมีการรบกวนหนาดินใด ๆ พบวามีชวงของคา pH ที่ใกลเคียงกับ พื้นที่ปลูกพืชที่ไมมีการจัดระบบ
                   อนุรักษดินและน้ํา  ดวยเหตุนี้ การปรับปรุงบํารุงดินเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณของดินอยางถูกวิธีจึงตองหมั่น
                   ดําเนินการเพื่อคงสภาพสําหรับการเพาะปลูกพืชไวอยูเสมอ

                          เมื่อสังเกตที่ความสูงต่ําของพื้นที่หรือประเภทของความลาดชันจะพบวา พื้นที่ปลูกพืชที่ไมมีการ
                   จัดระบบอนุรักษดินและน้ํา  มีคา pH ในชวงของพื้นที่ดานบนมากกวาพื้นที่ดานลาง เนื่องจาก พื้นที่บริเวณ
                   Summit หรือ Shoulder จะเปนพื้นที่เหนือขึ้นไปที่มีความลาดชันสูงที่สุด สงผลใหเกิดการชะลางความอุดม
                   สมบูรณของดินไปมากกวาบริเวณอื่น โดยพื้นที่ปลูกพืชที่ไมมีการจัดระบบอนุรักษดินและน้ํา  จะมีคา pH สูงสุด
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39