Page 23 - ผลกระทบจากการเผาตอซังและไม่ไถพรวนต่อสมบัติดินเพื่อ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่สูง จังหวัดเชียงใหม่ Effects of Burning and No-tillage on Soil Properties forMaize Production on Upland in Chiang Mai Province.
P. 23
ห้องสมุดกรมพัฒนาที่ดิน
11
1) ข้าวโพด ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (ในกรณีดินมีโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืชต่ำ)
อัตรา 50-75 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 16-16-18 อัตรา 30-40 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ร่วมกับปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา
20-25 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ 46-0-0 อัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ตอนปลูกและหลังปลูก 20-25 วัน โดยใส่
รองก้นหลุมและโรยสองข้างแถวปลูก แล้วพรวนดินกลบ
2) ถั่วเหลือง ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 16-20-0 หรือ
20-20-0 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ร่วมกับโพแทสเซียมคลอไรด์ อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ โดยหว่านปุ๋ย
ทั้งหมดในแปลงแล้วคราดกลบก่อนปลูก 1 วัน หรือโรยข้างแถวปลูกแล้วพรวนดินกลบเมื่อถั่วเหลืองอายุ
20-25 วัน
3) ถั่วลิสง ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-16 อัตรา 35 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 12-24-12 หรือ
10-20-10 อัตรา 25-35 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ตอนปลูกหรือ หลังปลูก 20-25 วัน โดยใส่รองก้นหลุม หรือโรยสอง
ข้างแถวปลูกแล้วพรวนดินกลบ
4) ปอแก้ว ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 25-30 กิโลกรัมต่อไร่ โดย
โรยข้างแถวหลังปลูก 1 เดือน แล้วพรวนดินกลบ
5.3.2 ปลูกไม้ผล ปัญหาน้ำท่วมบ่า ปฏิบัติเช่นเดียวกับการปลูกพืชไร่ ปัญหาดินค่อนข้างเป็น
ทรายและมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ เตรียมหลุมปลูกขนาด 50 x 50 x 50 ซม. เป็นอย่างน้อย คลุกเคล้า
ดินในหลุมปลูกด้วยปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก 25-30 กิโลกรัมต่อหลุม
มะม่วง ใส่ปุ๋ยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งของจำนวนอายุ เช่น มะม่วงอายุ 10 ปี ใส่ปุ๋ยจำนวน 5
กิโลกรัมต่อต้นต่อปี แบ่งใส่ 3 ครั้ง คือ 1 ใน 3 ส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ใส่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ครั้ง
ที่สองใส่อีก 1 ใน 3 ส่วน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ใส่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และปุ๋ยที่เหลือ 1 ใน 3
ส่วนใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24 ใส่ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม
6.การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชเศรษฐกิจที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศและมีบทบาท
สำคัญยิ่งต่อภาคปศุสัตว์ โดยผลผลิตที่ได้เกือบทั้งหมดปริมาณร้อยละ 95 ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
อาหารสัตว์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงเป็นพืชอาหารที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก ซึ่ง
การส่งออกในรูปอาหารสัตว์จะมีมูลค่าเพิ่มมากกว่าการส่งออกในรูปข้าวโพดเมล็ด และความต้องการใช้
ข้าวโพดในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นมากหลังจากที่มีการขยายการเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันการผลิตข้าวโพดมีไม่
เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในและมีปริมาณไม่แน่นอน เนื่องจากการผลิตขึ้นกับดินฟ้าอากาศ ทำให้มี
ความเสี่ยงต่อความเสียหายจากความแห้งแล้งมากและพื้นที่ปลูกต้องแข่งขันกับพืชเศรษฐกิจอื่นที่ให้
ผลตอบแทนที่ดีกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีทั้งนำเข้าและส่งออก ทั้งที่ในอดีตไทยเคยเป็นประเทศผู้ส่งออก
รายใหญ่รายหนึ่งของโลก และไทยมีศักยภาพด้านการผลิตการตลาดที่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
ในเอกสาร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา (2561) กล่าวว่า ปี 2555/56 ถึง
2559/60 เนื้อที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยมีแนวโน้มลดลงจาก 7.53 ล้านไร่ ใน ปี 2555/56 เหลือ
6.44 ล้านไร่ ในปี 2559/60 หรือลดลงร้อยละ 4.23 ต่อปีเนื่องจากราคาที่เกษตรกรขายได้ไม่จูงใจเกษตรกร
จึงปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น มันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน ประกอบกับ